GPS ติดรถบรรทุก จำเป็นไหม

     ในการใช้ถนนร่วมกันกับรถยนต์ประเภทอื่น ๆ รถบรรทุกนี้จะมีจำนวนน้อยกว่า ยกตัวอย่างเช่น เวลาเราขับรถไปต่างจังหวัด หรือเข้าเมือง ในระยะทาง 1 กิโลเมตร เราจะเจอ รถเก๋ง รถตู้ มากกว่าเจอรถบรรทุก 6 – 10 ล้อแน่นอน แต่ถึงแม้ว่าจะมีปริมาณน้อย รถบรรทุกนี้มีผลต่อทัศนวิสัยการขับขี่ของรถยนต์คันอื่นด้วย และเป็นสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุหลายครั้ง เนื่องจากคนขับแซงไม่พ้น หรือจอดอยู่เฉย ๆ แล้วถูกรถคันอื่นขับมาชน แต่นั่นก็ยังไม่ใช่เหตุผลสำคัญที่กรมขนส่ง บังคับให้รถบรรทุกติด GPS ครับ

 

 

 

     เมื่อปลายปี พ.ศ. 2558 ทางกรมขนส่ง ระบุให้รถบรรทุก ประเภทรถ 10 ล้อ และรถโดยสารสาธารณะที่จดทะเบียนใหม่ ต้องติดตั้ง GPS Tracker โดยให้ผู้ประกอบการเลือกติดได้เอง ยี่ห้อไหนก็ได้ (ปัจจุบันนี้มีกว่า 200 บริษัทแล้ว) โดยรถบรรทุกทุกคันจะต้องติดตั้งเครื่องส่งสัญญาณ GPS ให้ทันจดทะเบียนเสร็จในรอบปีภาษี พ.ศ. 2562 นี้ 

 

1) กฎหมายกำหนด

     กรมการขนส่งทางบก ประกาศต่อภาษีให้กับรถบรรทุกที่ติดตั้ง GPS Tracker เท่านั้น ทั้งรถบรรทุกประจำทาง และรถส่วนบุคคล เพื่อเชื่อมโยงเข้ากับศูนย์บริหารจัดการการเดินรถด้วยระบบ GPS ซึ่งเป็นระบบการติดตามส่วนกลาง

 

2) วัดความเร็วการขับขี่รถบรรทุกของคนขับได้

     เพื่อกำหนดไม่ให้ผู้ขับขี่ขับด้วยความเร็วเกินกำหนด รวมถึงระยะเวลาพักรถของคนขับด้วย จึงคาดว่าจะช่วยให้ติดตามการขับขี่ของคนขับได้ ทำให้ผู้ประกอบการทราบถึงพฤติกรรมการขับขี่ของคนขับในสังกัด และทางกรมขนส่งได้ติดตามรถบรรทุกได้โดยตรงทันทีด้วย

 

3) ช่วยติดตามรถบรรทุก

     นอกจากเรื่องความเร็วแล้ว ยังคำนึงไปถึงโอกาสที่รถหาย ทาง GPS Tracker จะตัดสัญญาณโดยตรงไปที่เครื่องยนต์ ให้รถดับ ขับต่อไปไม่ได้ ป้องกันการขโมยรถ และสินค้าในรถบรรทุกอีกด้วย โดยคุณสามารถเข้าไปตรวจสอบรุ่น GPS Tracker ที่ได้มาตรฐานจากกรมขนส่งทางบกได้ที่นี่

 

 

     
     โดยสรุปแล้ว การติด GPS Tracker นี้มีไว้เพื่อติดตามรถบรรทุกเพื่อสร้างความปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้ถนน ทั้งคนขับ และ ผู้ร่วมทาง เนื่องจากหากขับเร็วในโซนเมือง จะทำให้รถยนต์คันอื่นมีวิสัยทัศน์การขับขี่ลดลง และหากช่วงเวลาเร่งด่วนมีรถบรรทุกมาก กรมขนส่งจะได้จัดระเบียบการจราจรได้ง่ายขึ้น

 

 

ข้อจำกัดเครื่อง GPS Tracker ของรถบรรทุก

     เพราะ GPS ในตลาดมีหลายรุ่น หลายยี่ห้อ ทางกรมขนส่งทางบก จะระบุมาตรฐานของเครื่อง GPS Tracker นี้ไว้ เพื่อป้องกันการติดตั้งเครื่องที่พังง่าย ส่งสัญญาณได้ไม่ตลอด ดังนั้น เครื่อง GPS ที่สมบูรณ์ ควรส่งสัญญาณได้สม่ำเสมอ มีแบตเตอรี่ที่เอื้อต่อการส่งสัญญาณได้ตลอด

 

     นอกจากการจับสัญญาณที่ตั้งแล้ว ยังต้องบอกความเร็ว และวัดน้ำมันได้ตรงอีกด้วย ซึ่งมักติดตั้งซ่อนไว้ไม่ให้มองเห็นง่าย โดยราคาการติดตั้งเครื่องนี้เริ่มต้นที่ 2,000 – 5,000 บาท (แล้วแต่ว่าเป็นยี่ห้อใด) และต้องใส่ซิมการ์ดประเภทรับส่งสัญญาณ 3G ได้นั่นเอง

 

ใช้ GPS Tracker แบบไหนดี

     ตัวสเป็ค GPS Tracker ที่ได้รับความนิยมสูงสุดจะเป็นกล่องสีดำที่ติดตั้งกับด้านนอกห้องโดยสารก็ได้ โดยต้องเชื่อมโยงเดินสายไฟอย่างปลอดภัย ป้องกันการช็อตจากความชื้น และสามารถสั่งให้ดับเครื่องยนต์ไม่ให้ไปต่อได้ ซึ่งบางรุ่นมีฟังก์ชั่นเสริมให้ส่งแจ้งเตือนเข้าโทรศัพท์ Smart Phone ทาง Application  ได้

ภาพจาก GPSiam

 

ใช้โทรศัพท์มือถือใช้เครื่อง GPS ได้หรือไม่?

     ปัจจุบันตามข้อกฎหมายเกี่ยวกับการจดทะเบียนรถบรรทุก ยังไม่ได้ระบุว่าให้ใช้ GPS จากเครื่องโทรศัพท์มือถือแทนเครื่อง GPS Tracker ได้หรือไม่ เพราะข้อจำกัดของโทรศัพท์มือถือ แบตหมดเร็ว และต้องชาร์จทิ้งไว้ตลอดเวลา รวมถึงหน่วยความจำอาจไม่เพียงพอกับการบันทึกข้อมูลย้อนหลังยาว ๆ ซึ่งการลงทุนไม่คุ้มกว่าการติด GPS Tracker ที่ทำออกมาเพื่อติดตามรถติดเครื่องยนต์โดยเฉพาะ

 

     โดยสรุปแล้ว การติดตั้ง GPS Tracker ต้องทำในรถบรรทุกทุกคัน เพื่อการต่อภาษีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 เป็นต้นไป หากคุณเป็นผู้ประกอบการหรือเจ้าของรถบรรทุกที่ยังไม่ดำเนินการอย่างถูกต้อง รีบศึกษาหาเครื่อง GPS Tracker ที่ได้มาตรฐานมาติดไว้กับรถของคุณนะครับ แต่หากต้องการต่อประกันภาคสมัครใจให้กับรถบรรทุกทุกรุ่น สอบถามกับพี่หมีได้เลยครับ

 

 

 

ที่มา :

ประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง กำหนดคุณลักษณะของเครื่องบันทึกข้อมูลการเดินทาง (GPS) และ กำหนดประเภทและลักษณะของรถที่ใช้ในการขนส่งที่ต้องติดตั้งเครื่องบันทึกข้อมูลการเดินทางของรถ (GPS) 

 

 

READ MORE : 

 

►  รวม 4 GPS ติดตามรถน่าใช้ อุ่นใจรถไม่หาย! 

►  ทำใบกรมธรรม์หาย ไม่ต้องเครียด

►  รถสูญหาย ประกันชั้นไหนคุ้มครอง แล้วต้องผ่อนต่อไหม