ขับกระบะส่งสินค้า ทำประกันชั้นไหนดี

 

    มีหลายเหตุผลที่คนเลือก ขับรถกระบะ ด้วยสมรรถนะเครื่องยนต์ เกียร์ และภายนอกที่คงทนกว่ารถเก๋ง รวมถึงความสะดวก ง่ายต่อการขนส่งสิ่งของต่างๆ แต่ปฎิเสธไม่ได้ว่ามีข่าวกระบะเสียหลัก เทกระจาด ข้าวของเสียหายกันอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะช่วงที่ฝนตกถนนลื่น เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนมากที่สุด

 

    อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้รถกระบะเสียหลัก คือ บรรทุกของเกินตัวรถ หากเกินมาเล็กน้อยอาจไม่เป็นอะไร แต่ถ้าบรรทุกเกินออกมามาก อาจเป็นอันตรายต่อรถคันอื่น หรือถ้าบรรทุกสูงเกินไป อาจทำให้รถเสียการทรงตัว เสียหลัก เวลาเข้าโค้งได้

 

ภาพจาก www.thairath.co.th

 

    ซึ่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2552 มาตรา 5 และมาตรา 18 ได้ระบุไว้ว่า รถบรรทุกสิ่งของทุกคัน จะต้องปฏิบัติตาม หากฝ่าฝืนจะมีโทษปรับ 1,000 บาท โดยมีกฎเกณฑ์ ดังนี้

 

- ด้านหน้า ยื่นได้ไม่เกินกันชน 

- ด้านหลัง ยื่นได้ไม่เกิน 2.50 เมตร 

- บรรทุกได้ไม่เกินความกว้างของรถ 

- กรณีที่รถมีความกว้างเกิน 2.30 เมตร บรรทุกสิ่งของสูงไม่เกิน 3.80 เมตร 

 

    ทั้งนี้ควรมีสิ่งป้องกันของ เช่น ผ้า เชือก ไม่ให้ของตกหล่น หรือปลิวออกจากตัวรถ เพื่อป้องกันการเทกระจาด หากเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันขึ้น ถึงอย่างไรก็ตาม แรงเหวียงของรถ อาจทำให้สิ่งของและสินค้ากระเด็นออกมา และได้รับความเสียหายอย่างมาก

 

 

    รถกระบะ สามารถเลือกทำ ประกันชั้น 1, 2+ และ 3+ ได้ตามปกติ ความคุ้มครองจะแตกต่างกันไปตามลำดับชั้น แต่ ประกันชั้น 1 จะคุ้มครองให้กับ รถกระบะส่วนบุคคลเท่านั้น!! ถ้าเป็นประเภท รถขนส่งสินค้า ส่วนใหญ่จะหันมาทำประกันชั้น 2+ ที่คุ้มครองกรณีคนขับบาดเจ็บ เสียชีวิต ค่าเสียหายแก่คู่กรณี รวมถึงรถหาย ไฟไหม้ แต่ไม่ครอบคลุมถึง สิ่งของที่บรรทุก มาด้วย

 

    แล้วจะดีกว่าไหม? ถ้าทำ ประกันที่สามารถคุ้มครองสิ่งของที่บรรทุกได้ อย่าง TQM Carrier Liability ประกันการขนส่งแบบเฉพาะ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องใช้รถกระบะบรรทุกสินค้า ไม่ว่าจะเป็นการรับจ้าง หรือ พ่อค้าแม่ค้าที่ขนสินค้าไปขาย หากเกิดอุบัติเหตุ ทำให้สินค้าได้รับความเสียหาย คุณจะได้รับความคุ้มครองทรัพย์สิน สูงสุดถึง 100,000 บาท เบี้ยประกันเริ่มต้น เพียงวันละ 4 บาทเท่านั้น!! สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถกรอกข้อมูล ด้านล่าง ให้เจ้าหน้าติดต่อกลับ หรือ โทร Hotline 1737 พี่หมียินดีให้คำปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมงครับ :)