เช็คราคาแผนประกัน
กรอกข้อมูลเพื่อค้นหาแผนประกัน
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อ *
นามสกุล *
เบอร์โทรศัพท์มือถือ *
|
อ่านแล้ว 710 ครั้ง
บนท้องถนนในทุกวัน ทุกการเดินทางของเราย่อมมีความเสี่ยงที่อาจเกิดเหตุไม่คาดฝันได้ เช่น รถเสียกลางทางหรือเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้ไม่สามารถขับรถต่อไปได้ หากคุณเคยพบเจอสถานการณ์เช่นนี้ สิ่งที่มักตามมาคือการเรียกรถลากหรือรถยกเพื่อนำรถไปยังอู่ซ่อมหรือสถานที่ที่ปลอดภัย คำถามสำคัญที่หลายคนสงสัยคือ "ค่าลากรถ" ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ? และประกันรถยนต์ที่ทำไว้นั้นสามารถครอบคลุมค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้หรือไม่ นอกจากนี้ เอกสารอะไรบ้างที่ต้องใช้หากต้องการเบิกค่าลากรถจากประกัน และค่าบริการรถลากในแต่ละครั้งมีราคาประมาณเท่าไหร่ วันนี้พี่หมี TQM จะช่วยไขข้อสงสัยทั้งหมด พร้อมทั้งแนะนำวิธีเตรียมตัวสำหรับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นกันครับ
ค่าลากรถ คือค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการใช้บริการรถลากหรือรถยกเพื่อนำรถยนต์ของคุณไปยังสถานที่ที่เหมาะสม เช่น อู่ซ่อมรถ โรงจอด หรือสถานที่ที่ปลอดภัย กรณีที่รถไม่สามารถขับเคลื่อนต่อได้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางเทคนิค เช่น เครื่องยนต์เสีย ระบบไฟฟ้าขัดข้อง ระบบเบรกมีปัญหา หรือเกิดอุบัติเหตุจนรถไม่สามารถขับต่อไปได้ การใช้บริการรถลากเป็นทางออกที่ช่วยให้คุณแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างรวดเร็ว
ราคาค่าลากรถอาจฟังดูเหมือนคำนวณได้ง่าย แต่ความจริงแล้วมันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่ทำให้ค่าใช้จ่ายแตกต่างกันออกไป มาดูกันว่าแต่ละปัจจัยมีผลอย่างไรบ้าง เพื่อให้คุณเข้าใจและเตรียมตัวได้ง่ายขึ้นหากต้องใช้บริการจริง
ระยะทางเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อค่าบริการรถลาก ยิ่งระยะทางไกลเท่าไหร่ ค่าบริการก็ยิ่งสูงขึ้น เพราะการลากรถต้องใช้พลังงานน้ำมันและเวลาของพนักงานขับรถลาก โดยทั่วไปแล้ว การลากรถในระยะทางสั้น เช่น ไม่เกิน 10 กิโลเมตร อาจมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ประมาณ 1,000 บาท แต่หากเป็นการลากรถในระยะทาง 50 กิโลเมตรขึ้นไป ค่าใช้จ่ายอาจเพิ่มขึ้นถึง 2,000-3,000 บาท หรือมากกว่านั้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบริษัทที่ให้บริการด้วย
ตัวอย่าง
ประเภทของรถที่ต้องการลากก็มีผลต่อค่าบริการเช่นกัน รถยนต์ขนาดเล็ก เช่น รถเก๋งหรือรถ Eco-Car มักมีค่าบริการที่ถูกกว่าเมื่อเทียบกับรถยนต์ขนาดใหญ่ เช่น รถกระบะหรือรถ SUV นอกจากนี้ รถยนต์หรูหรือรถที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เช่น รถซุปเปอร์คาร์ อาจมีค่าบริการสูงขึ้น เนื่องจากต้องใช้เครื่องมือพิเศษและความชำนาญของพนักงานในการลากรถ
ตัวอย่าง
พื้นที่ที่ให้บริการลากรถมีผลอย่างมากต่อราคาค่าบริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณต้องการใช้บริการในเขตเมืองใหญ่หรือพื้นที่ชนบทที่อยู่ห่างไกล
เมื่อพูดถึงการครอบคลุมค่าลากรถ หลายคนอาจสงสัยว่าประกันรถยนต์ที่ทำไว้นั้นจะช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายในส่วนนี้หรือไม่ คำตอบคือ "ขึ้นอยู่กับประเภทของประกันรถยนต์" ที่คุณเลือกทำไว้ เนื่องจากแต่ละประเภทของประกันมีความคุ้มครองที่แตกต่างกันออกไป
ประกันรถยนต์ชั้น 1 เป็นประเภทประกันที่ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมที่สุด ซึ่งรวมถึงการครอบคลุมค่าลากรถในกรณีส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการลากรถหลังจากเกิดอุบัติเหตุ หรือการลากรถเนื่องจากปัญหาทางเทคนิค เช่น เครื่องยนต์เสีย ระบบไฟฟ้ามีปัญหา หรือเบรกขัดข้อง ทำให้คุณสามารถเรียกรถลากได้ในเกือบทุกกรณีโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย แต่วงเงินหรือเงื่อนไขในการเคลมค่าลากรถอาจแตกต่างกันไปตามบริษัทประกัน เช่น บางบริษัทอาจครอบคลุมค่าลากรถโดยไม่จำกัดระยะทาง ขณะที่บางบริษัทอาจจำกัดวงเงินที่ครอบคลุม เช่น สูงสุด 2,000-5,000 บาทต่อครั้ง
ตัวอย่าง
สมมติว่ารถของคุณเสียกลางทางบนมอเตอร์เวย์ และต้องการลากรถไปยังอู่ในตัวเมือง ระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร ค่าใช้จ่ายในการลากรถอาจอยู่ที่ 1,500 บาท ซึ่งสามารถเคลมได้เต็มจำนวน หากกรมธรรม์ของคุณระบุว่า "ครอบคลุมค่าลากรถไม่จำกัดวงเงิน"
สำหรับประกันชั้น 2+ และ 3+ ความคุ้มครองครอบคลุมค่าลากรถจะมีข้อจำกัดมากกว่าชั้น 1 โดยมักครอบคลุมเฉพาะกรณีที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุ เช่น รถชนหรือเกิดเหตุที่ทำให้รถไม่สามารถขับต่อได้ จึงยังพอช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในกรณีอุบัติเหตุที่ต้องใช้บริการรถลาก แต่หากเป็นกรณีรถเสียจากการใช้งานทั่วไป เช่น เครื่องยนต์เสียหรือระบบไฟฟ้ามีปัญหา ประกันประเภทนี้มักจะไม่ครอบคลุม
ตัวอย่าง
หากรถของคุณประสบอุบัติเหตุเล็กน้อยจนไม่สามารถขับต่อได้ และต้องการเรียกรถลากไปยังอู่ซ่อม ค่าใช้จ่ายอาจอยู่ที่ 2,000 บาท ประกันชั้น 2+ หรือ 3+ อาจช่วยครอบคลุมได้เต็มจำนวน (ขึ้นอยู่กับกรมธรรม์) แต่หากรถเสียจากปัญหาเครื่องยนต์ คุณอาจต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง
สำหรับประกันรถยนต์ชั้น 2 และ 3 การครอบคลุมค่าลากรถจะมีน้อยที่สุด หรือไม่มีเลยในบางกรณี ทำให้ค่าเบี้ยประกันถูกกว่าประกันชั้นอื่นๆ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการประกันแบบพื้นฐาน แต่หากคุณต้องการความคุ้มครองค่าลากรถ คุณอาจต้องซื้อบริการเสริม เช่น Roadside Assistance ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ตัวอย่าง
หากรถของคุณเสียกลางทางและต้องการใช้บริการรถลาก ค่าใช้จ่าย 1,500 บาทจะต้องออกจากกระเป๋าของคุณเอง เว้นแต่ว่าคุณได้ซื้อบริการเสริมที่ครอบคลุมค่าลากรถไว้
การเบิกค่าลากรถจากประกันเป็นเรื่องที่หลายคนสงสัย เพราะขั้นตอนและเอกสารที่ต้องใช้มีความสำคัญต่อการดำเนินการที่รวดเร็วและราบรื่น หากคุณทราบวิธีการและเตรียมตัวล่วงหน้าอย่างเหมาะสม จะช่วยลดปัญหาและความล่าช้าได้
การเคลมค่าลากรถจากประกันรถยนต์จำเป็นต้องเตรียมเอกสารอย่างครบถ้วน เพื่อให้บริษัทประกันสามารถตรวจสอบและอนุมัติค่าใช้จ่ายได้อย่างรวดเร็ว โดยเอกสารที่ต้องใช้ ได้แก่
ใบเสร็จรับเงินค่าลากรถ
สำเนากรมธรรม์ประกันรถยนต์
เอกสารแจ้งอุบัติเหตุ (หากเกี่ยวข้อง)
บัตรประชาชนของผู้เอาประกัน
เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ต้องใช้บริการรถลาก คุณสามารถดำเนินการเบิกค่าลากรถจากประกันได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้
แจ้งบริษัทประกันทันทีเมื่อเกิดเหตุ
เก็บใบเสร็จรับเงินค่าลากรถ
เตรียมเอกสารทั้งหมดให้ครบถ้วน
ส่งเอกสารให้บริษัทประกัน
ติดตามผลการเคลม
ก่อนตัดสินใจซื้อประกันรถยนต์ ควรตรวจสอบรายละเอียดของกรมธรรม์เพื่อดูว่ามีการครอบคลุมค่าลากรถหรือไม่ โดยเฉพาะในเรื่องของระยะทางและวงเงินสูงสุดที่สามารถเบิกได้ ตัวอย่างเช่น บางกรมธรรม์อาจระบุว่าให้บริการลากรถฟรีไม่จำกัดระยะทาง ขณะที่บางกรมธรรม์อาจจำกัดวงเงินไม่เกิน 2,000 บาท
การเปรียบเทียบแผนประกันจากหลายบริษัทเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้คุณเลือกสิ่งที่เหมาะสมกับความต้องการมากที่สุด คุณอาจพบว่า บริษัท A มีข้อเสนอที่ครอบคลุมค่าลากรถได้ครอบคลุมกว่า ในขณะที่บริษัท B อาจมีข้อเสนออื่นๆ ที่ดึงดูดใจมากกว่า
ค่าลากรถเป็นสิ่งสำคัญที่ควรทราบสำหรับผู้ขับขี่ทุกคน โดยเฉพาะเมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินบนท้องถนน การเลือกประกันรถยนต์ที่ครอบคลุมค่าลากรถจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ประกันชั้น 1 มักเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในแง่ของการครอบคลุมค่าลากรถอย่างครบถ้วน แต่หากคุณเลือกใช้ประกันชั้น 2+ หรือ 3+ ควรตรวจสอบเงื่อนไขเพิ่มเติมให้ชัดเจน
การเปรียบเทียบแผนประกันจากหลายบริษัทและตรวจสอบรายละเอียดกรมธรรม์อย่างถี่ถ้วน จะช่วยให้คุณได้ประกันรถยนต์ที่ตอบโจทย์ในทุกสถานการณ์ และอย่าลืมเตรียมพร้อมสำหรับกรณีฉุกเฉินด้วยการเลือกใช้บริการเสริมที่คุ้มค่า เพื่อเพิ่มความอุ่นใจให้ทุกการเดินทาง และหากเพื่อนๆ กำลังมองหาประกันรถยนต์ที่คุ้มครองครอบคลุม แนะนำ เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ จากบริษัทชั้นนำได้ง่ายๆ ที่ TQM สนใจกรอกข้อมูลด้านล่างเพื่อนค้นหาประกันตรงใจ หรือปรึกษาเรื่องประกันภัย โทร Hotline 1737 ยินดีให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อ *
นามสกุล *
เบอร์โทรศัพท์มือถือ *