ต่อประกันชั้น 1 ปีที่ 2 ดีไหม? คุ้มค่าหรือเปลี่ยนแผนไหนดี

    เมื่อต้อง ต่อประกันรถยนต์ปีที่ 2 เจ้าของรถหลายคนอาจสงสัยว่า "ควรต่อประกันชั้น 1 ปีที่ 2 ต่อไปหรือเปลี่ยนเป็นแผนอื่นดี?" เพราะค่าเบี้ยประกันอาจปรับเพิ่มขึ้น หรืออาจไม่แน่ใจว่าความคุ้มครองที่ได้รับยังเหมาะกับการใช้งานของตัวเองหรือไม่ วันนี้ พี่หมี TQM จะช่วยคุณพิจารณา การต่อประกันรถยนต์ปีที่ 2 ว่าแบบไหนคุ้มค่า ตอบโจทย์ที่สุด พร้อมเปรียบเทียบ ข้อดี-ข้อเสีย และตัวเลือกอื่น ๆ ให้คุณเลือกได้ง่ายขึ้น

 

ทำไมการต่อประกันรถยนต์ปีที่ 2 ถึงสำคัญ

    การต่อประกันรถยนต์ปี 2 เป็นสิ่งที่เจ้าของรถทุกคนต้องทำหากยังต้องการความคุ้มครองต่อเนื่อง หลายคนอาจคิดว่าประกันปีแรกคุ้มที่สุด เพราะมักมีโปรโมชั่นพิเศษจากดีลเลอร์หรือโบรกเกอร์ แต่เมื่อถึงปีที่ 2 อาจต้องจ่ายเบี้ยเต็มจำนวน การ ไม่ต่อประกันรถยนต์ปี 2 อาจทำให้คุณต้องรับความเสี่ยงหากเกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะกรณีที่คุณเลือก ไม่ทำประกันต่อเลย ซึ่งอาจนำไปสู่ค่าใช้จ่ายมหาศาลหากเกิดเหตุที่ไม่คาดคิด

 

ข้อดีของการต่อประกันรถยนต์ปีที่ 2

• รักษาสิทธิ์ ส่วนลดประวัติดี (No-Claim Bonus) หากไม่มีเคลมในปีแรก
• ได้รับความคุ้มครองต่อเนื่อง ไม่ต้องกังวลหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
• สามารถปรับแผนให้เหมาะสมกับพฤติกรรมขับขี่ในปีที่ 2
• มีทางเลือกในการปรับค่าเบี้ย เช่น เปลี่ยนประเภทประกัน หรือเลือกซ่อมห้าง/ซ่อมอู่

 

ต่อประกันชั้น 1 ปีที่ 2 ดีไหม?

    ประกันชั้น 1 เป็นตัวเลือกที่ให้ความคุ้มครองครบวงจรที่สุด แต่เมื่อถึงปีที่ 2 หลายคนอาจตั้งคำถามว่า “ยังจำเป็นอยู่ไหม?”

 

ประกันชั้น 1 เหมาะกับใคร?

การ ต่อประกันชั้น 1 ปีที่ 2 ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีหากคุณมีพฤติกรรมการใช้รถแบบนี้

• ขับรถเป็นประจำ ใช้งานทุกวัน มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุสูง
• เดินทางไกลบ่อย ๆ เช่น ใช้รถขับทางไกลหรือออกต่างจังหวัดเป็นประจำ
• อยู่ในพื้นที่เสี่ยง ที่มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุหรือรถหายสูง
• มือใหม่หัดขับ มีความเสี่ยงเฉี่ยวชนบ่อย

 

ข้อดีของการต่อประกันชั้น 1 ปีที่ 2

• คุ้มครองอุบัติเหตุทุกกรณี ทั้งแบบมีคู่กรณีและไม่มีคู่กรณี
• คุ้มครองไฟไหม้ รถหาย น้ำท่วม และภัยธรรมชาติ
• คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลและความเสียหายของคู่กรณี
• บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง

 

    อย่างไรก็ตาม ค่าเบี้ยประกันชั้น 1 ในปีที่ 2 อาจสูงขึ้นจากปีแรก หากคุณต้องการลดค่าใช้จ่าย อาจพิจารณาปรับเปลี่ยนเป็นแผนอื่นที่เหมาะสมกว่า

ถ้าไม่ต่อประกันชั้น 1 ปีที่ 2 ควรเลือกแผนไหนแทน?

    หากคุณคิดว่า ประกันชั้น 1 ปีที่ 2 แพงเกินไป หรือรู้สึกว่าความคุ้มครองบางส่วนอาจไม่จำเป็นแล้ว การเปลี่ยนเป็นแผนอื่นที่เหมาะสมก็เป็นตัวเลือกที่ดี

 

ประกันชั้น 2+ - คุ้มค่ากว่าในปีที่ 2

    หากรู้สึกว่า ค่าเบี้ยประกันชั้น 1 สูงเกินไป แต่ยังต้องการความคุ้มครองที่ดี ประกันชั้น 2+ เป็นตัวเลือกที่หลายคนเลือกใช้แทน

 

เหมาะสำหรับ

• คนที่ ชนไม่บ่อย และมีประวัติขับขี่ดี
• คนที่ต้องการคุ้มครอง รถหายและไฟไหม้
• คนที่ใช้รถเป็นประจำ แต่ไม่ได้ต้องการความคุ้มครองทุกกรณี

 

สิ่งที่ประกัน 2+ ไม่คุ้มครอง

• อุบัติเหตุที่ไม่มีคู่กรณี เช่น ถอยชนเสา

 

ประกันชั้น 3+ - ตัวเลือกสำหรับรถที่ใช้งานน้อย

    หากรถของคุณเริ่มมีอายุการใช้งานมากขึ้น และไม่ได้ใช้บ่อย ประกันชั้น 3+ อาจเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า

 

เหมาะสำหรับ

• รถที่มีอายุ มากกว่า 10 ปี
• ขับรถเป็นครั้งคราว ไม่ได้ใช้งานทุกวัน
• ต้องการลดค่าใช้จ่ายเบี้ยประกันให้น้อยที่สุด

 

สิ่งที่ประกัน 3+ ไม่คุ้มครอง

• รถหายหรือไฟไหม้
• อุบัติเหตุที่ไม่มีคู่กรณี

 

 

เปรียบเทียบแผนประกันรถยนต์ปีที่ 2 แบบเข้าใจง่าย

ประเภทประกัน	คุ้มครองอุบัติเหตุทุกกรณี	คุ้มครองรถหาย ไฟไหม้	ค่าเบี้ยโดยประมาณ
ประกันชั้น 1	ใช่	ใช่	สูงสุด
ประกันชั้น 2+	เฉพาะกรณีรถชนรถ	ใช่	ปานกลาง
ประกันชั้น 3+	เฉพาะกรณีรถชนรถ	ไม่คุ้มครอง	ต่ำที่สุด

    จากตารางจะเห็นว่า หากคุณต้องการคุ้มครองครบถ้วน ให้เลือกต่อประกันชั้น 1 ปีที่ 2 แต่ถ้าต้องการลดค่าใช้จ่าย ประกันชั้น 2+ เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม ประกันชั้น 1 เบี้ยไม่แพงก็มี ราคาไม่ถึงหมื่น หากสนใจสามารถเช็คราคาประกันชั้น 1 ได้ที่นี่ คลิก

 

    การ ต่อประกันรถยนต์ปีที่ 2 เป็นโอกาสดีที่คุณจะได้ทบทวนความคุ้มครองและเลือกแผนที่เหมาะสมที่สุด หากคุณยังใช้รถเป็นประจำและต้องการความอุ่นใจ ต่อประกันชั้น 1 ปีที่ 2 ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่ถ้าต้องการลดค่าใช้จ่ายโดยยังได้รับความคุ้มครองที่จำเป็น ประกันชั้น 2+ หรือ 3+ อาจตอบโจทย์มากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม อย่าปล่อยให้ประกันขาด! เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ หรือขอคำแนะนำจาก TQM โทร Hotline 1737 ได้ ตลอด 24 ชั่วโมง ให้พี่หมีช่วยคุณเลือกแผนที่คุ้มสุดสำหรับปีที่ 2 ได้เลยครับ