ฝนตก ถนน(ลื่น)ไหล
จนรถสไลด์มาชนกัน
‘ฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างไม่ขาดสาย ทำให้เกิดอุบัติเหตุไม่คาดคิดติดกันเป็นครั้งที่ 3 จุดเดิมบนถนนทางเลี่ยงเมืองสายหนึ่งที่ทอดยาวสู่ภาคเหนือของประเทศไทย’
ขณะที่ ‘ภีม’ กำลังฟังข่าวจากคลื่นวิทยุ เขาขับรถอยู่บนทางเลี่ยงเมืองสายนี้พอดี แล้ว เขา จะเป็นคนต่อไปหรือไม่ …
‘ภีม’ หนุ่มเนิร์ดสุดติ๋ม ประธานชมรมค่ายอาสา ที่กำลังขับรถไปสำรวจพื้นที่ก่อนจะพาน้องๆ ที่คณะไปออกค่ายอาสาที่จังหวัดแห่งหนึ่งในภาคเหนือ โดยเลือกใช้ถนนเส้นเลี่ยงเมือง เพื่อต้องการย่นเวลาเดินทาง ซึ่งตอนนี้บรรยากาศเริ่มมืดครึ้มทั้งที่เป็นเวลาแค่บ่ายแก่ๆ เท่านั้นเอง
โชคร้ายที่ช่วงนี้ดันมีฝนหลงฤดูโปรยกระหน่ำลงมาเป็นหมีแพนด้า (ช่วงๆ) ทำให้ ‘ภีม’ ต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นอย่างมาก
ด้วยความเร็วรถรวมกับความลื่นของถนน แม้จะระวังแล้วก็ดันเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด
เพราะฝนตกปรอยๆ ทำให้ฝุ่นกลายเป็นโคลน รถของ ‘ภีม’ จึงเกิดเสียหลักลื่นไถลอย่างไม่สามารถควบคุมได้ จนพุ่งชนท้ายรถเก๋งที่จอดอยู่ข้างทางอย่างจัง!!
แต่เหตุการณ์ยังไม่จบเพียงเท่านั้น เมื่อแรงกระแทกเกินกว่าจะคาดคะเนได้ รถของ ‘หนูอิม’ ที่ถูกภีมชนท้ายพุ่งชนไปชนรถของ ‘หนูอิน’ แฝดน้องที่จอดอยู่คันหน้าจนตกข้างทางไปชนต้นไม้
หลังอุบัติเหตุสงบลง ‘หนูอิม’ เงยหน้าขึ้นมาแล้วตกใจมาก แม้ว่าเธอจะได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย แค่หัวปูด เพราะกระแทกพวงมาลัยเท่านั้น แต่รถของน้องสาวฝาแฝดที่จอดอยู่ข้างหน้านั้นพุ่งตกลงข้างทางไปชนต้นไม้สภาพยับเยิน ทำให้เธอเกิดอาการเป็นห่วงจนคุมสติแทบไม่อยู่ จนรีบลงจากรถมาโวยวายใส่ ‘ภีม’ ที่กำลังยืนหน้าเสียกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ด้วยความรักสันติของ ‘ภีม’ จึงใช้วิธีเอาน้ำเย็นเข้าลูบ ค่อยๆ พูดจากับ ‘หนูอิม’ แต่ทว่า…
‘หนูอิม’ ยังไม่ยอมเย็นลง เดือนร้อนเจ้าหน้าที่ประกันภัยต้องรีบเข้ามาไกล่เกลี่ย พร้อมกับเดินนำ ‘หนูอิน’ แฝดน้องที่ซ่อนตัวอยู่ข้างหลัง ทำให้หนูอิมใจเย็นลงบ้าง
เจ้าหน้าประกันภัยเว้นช่วงให้ ‘หนูอิน’ เล่าเรื่องราวในมุมของเธอก่อน
ก่อน ‘เจ้าหน้าที่ประกันภัย’ จะเริ่มชี้แจ้งแถลงไขเพื่อคลี่คลายสถานการณ์
ภีมหน้าจ๋อยสนิท ยอมรับความผิดในทุกข้อหาโดยละม่อม
เจ้าหน้าที่ยังคงชี้แจงเหตุผลต่อไปอย่างผู้พิทักษ์ความยุติธรรม
หนูอิมและหนูอินทำหน้าตาเห็นอกเห็นใจภีมที่ยืนจืดสนิทจนตัวแทบลีบละลายติดไปกับพื้นถนน
ทุกคนยอมรับและตั้งใจฟังทุกข้อชี้แจงอย่างตั้งใจ ไร้ข้อกังขาใดๆ
และแล้วสถานการณ์คราวนี้ก็คลี่คลายไปด้วยดี (ปาดน้ำตาด้วยความปิติ)
สรุป*
รถยนต์ของ ‘ภีม’ เป็นฝ่ายประมาท โดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้ขับขี่อาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่ เป็นการฝ่าฝืนต่อ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔๓(๓)(๔)(๕) และ ๖๘ เพราะ ‘ภีม’ ขับรถในขณะฝนตกและทางฝุ่นที่ทัศนวิสัยไม่ปลอดภัยต้องลดความเร็วของรถในลักษณะที่จะให้เกิดความปลอดภัย โดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว โดยไม่คำนึงความปลอดภัย หรือความเดือนร้อนของผู้อื่น ในลักษณะที่ผิดปกติวิสัยของการขับรถธรรมดา หรือไม่อาจแลเห็นทางด้านหน้าหรือด้านหลัง ด้านใดด้านหนึ่งหรือทั้งสองด้านได้พอแก่ความปลอดภัย จนไปชนกับ รถของ ‘หนูอิม’ และ ‘หนูอิน’ จอดอยู่ตรงจุดพักรถไหล่ทางทางด้านซ้ายของทางเดินรถ และจอดรถให้ด้านซ้ายของรถขนานชิดกับขอบทางหรือไหล่ทางตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว
เกร็ดความรู้เรื่องกฎหมาย*
มาตรา ๔๓ ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถ
(๓) ในลักษณะกีดขวางการจราจร
(๔) โดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน
(๕) ในลักษณะที่ผิดปกติวิสัยของการขับรถธรรมดา หรือไม่อาจแลเห็นทางด้านหน้าหรือด้านหลัง ด้านใดด้านหนึ่งหรือทั้งสองด้านได้พอแก่ความปลอดภัย
(๘) โดยไม่คำนึงความปลอดภัย หรือความเดือนร้อนของผู้อื่น
มาตรา ๕๗ เว้นแต่จะได้มีบทบัญญัติ กฎ หรือข้อบังคับตามพระราชบัญญัตินี้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ห้ามมิให้ผู้ขับขี่จอดรถ
(๕) ในเขตที่มีเครื่องหมายจราจรห้ามจอดรถ
(๑๕) ในลักษณะกีดขวางการจราจร
มาตรา ๖๘ ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถในทางเดินรถที่มีหมอก ฝน ฝุ่น จนทำให้ไม่อาจเห็นทางข้างหน้าได้ในระยะหกสิบเมตร ต้องลดความเร็วของรถในลักษณะที่จะให้เกิดความปลอดภัย
หมายเหตุ อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นการพิจารณาว่าฝ่ายใดประมาทนั้นขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานต่างๆ คำถามต้องให้ชัดเจน มิฉะนั้นอาจทำให้คำตอบคลาดเคลื่อนได้