ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้ "กล้องติดรถยนต์" เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณตำรวจ และ เจ้าหน้าที่ประกันภัย พิจารณาเคลมประกันภัยได้ง่ายขึ้น และเป็นหลักฐานตัดสิน “ฝ่ายถูก” และ “ฝ่ายผิด” รวมถึงรายละเอียดเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจน
กล้องติดรถยนต์ ไม่ได้เป็นส่วนลดของเบี้ยประกันภัยชั้น 1 อย่างเดียว ทางประกาศจาก คปภ. ในวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2560 แจ้งว่าใช้เป็นส่วนลดเบี้ยประกันภาคสมัครใจได้ในอัตราร้อยละ 5-10% ของเบี้ยประกันภัยสุทธิ
ตามประกาศ คปภ. เรียกกล้องตัวนี้ว่า “กล้องโทรทัศน์วงจรปิด CCTV” ซึ่งหากคุณใช้กล้องจากโทรศัพท์มือถือเปิด Autocamera ไว้ ไม่ถือว่าเป็นกล้องวงจรปิด และตัวบริษัทประภัยมีสิทธิ์พิจารณาตัวกล้องและส่วนลดเบี้ยประกัน โดยเจ้าของรถต้องแสดงความจำนงยื่นคำร้องขอส่วนลดเบี้ยประกันรถยนต์จากตัวแทนจำหน่ายประกัน
วิธีขอส่วนลดกล้องติดรถยนต์ จาก TQM
ท่านที่ชำระค่าบริการเบี้ยประกันภัยรถยนต์แบรนด์ต่าง ๆ ที่ TQM เป็นตัวแทนจำหน่าย สามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มขอส่วนลดกล้อง ผ่านทางเว็บไซต์ https://www.tqm.co.th/tqmservice/form_discount_camera หลังจากกรอกข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ส่งกลับมาที่ Line@ (@tqmbroker), Facebook และ ไปรษณีย์ที่อยู่ บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด เลขที่ 123 ถนนลาดปลาเค้า แขวงจรเข้บัว เขตลาดพร้าว กรุงเทพ 10230
ตัวอย่างเอกสารแสดงการยืนยันการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) กับรถยนต์ เพื่อขอส่วนลดจากประกันภัยรถยนต์
ในคำร้อง ต้องแจ้งชื่อสกุลของผู้เอาประกันภัย (เจ้าของรถ) แจ้งบริษัทประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจที่คุณสมัคร แจ้งหมายเลขทะเบียนรถยนต์ และเลขกรมธรรม์ และขอรับรองว่าได้ติดตั้งกล้อง CCTV แจ้งรุ่น และปีที่ติดตั้ง แนบเอกสารดังนี้
• รูปถ่ายกล้องติดรถยนต์โดยต้องให้เห็นกล้องและบางส่วนของรถยนต์
• ใบเสร็จการจ่ายค่ากล้องติดรถยนต์ (ถ้ามี)
ก่อนลงชื่อรับรอง จะมีเงื่อนไขที่ว่าผู้เอาประกันภัยจะต้องยอมรับว่ากล้องติดรถยนต์นี้จะต้องใช้งานได้ตลอดเวลาที่ยังอยู่ในระยะเวลาเอาประกันภัย เมื่อบริษัทประกันภัยเรียกขอใช้บริการ จะต้องนำภาพเคลื่อนไหวมาแสดงเป็นหลักฐานได้ (หมายเหตุ ทางบริษัทไม่เรียกคืนส่วนลดเบี้ยประกันภัย หากระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) เสียหายหรือขัดข้องจากการที่รถคันเอาประกันภัยเกิดอุบัติเหตุจนไม่สามารถนำภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหวที่บันทึกเหตุการณ์มาใช้เป็นหลักฐานประกอบการพิจารณา
สินไหมทดแทนได้ ก็เท่ากับว่าหากติดกล้องไปแล้วระหว่างกรมธรรม์กล้องเกิดพังและเสีย แล้วคุณไม่ได้ซ่อม ทางบริษัทประกันก็ไม่ได้มาเรียกเก็บส่วนลดที่คุณได้รับไปแล้ว เพียงแค่ว่าผู้เอาประกันภัย ก็ต้องยอมรับความยุ่งยากที่เกิดขึ้นระหว่างการเคลมนั้นเอง เฉกเช่นเดียวกับผู้ที่ไม่ได้ติดกล้อง จะต้องมานั่งอธิบายเนื้อหาให้กับเจ้าหน้าที่ประกันละเอียดขึ้นเหมือนเดิม
ย้ำว่ากล้องติดรถยนต์ จะต้องเป็นกล้องโทรทัศน์วงจรปิดระบบ CCTV คือ มีระบบแยกจอรับภาพกับบันทึกภาพ เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน ควรเลือกเลนส์ที่มีระบบ Infrared เห็นภาพชัดในตอนกลางคืน เห็นทะเบียนรถ เห็นหน้าบุคคล แยกสีสันได้พอสมควร เพื่อให้ระบุตัวตนผู้กระทำผิด และถ่ายภาพเหตุการณ์ได้ชัด ๆ แต่หากเป็นกล้องประเภทอื่น หรือ นำอุปกรณ์ดัดแปลงมาใส่ จะไม่สามารถลดหย่อนเบี้ยประกันภัยรถยนต์ได้ ดังนั้นผู้ขับรถยนต์จะต้องศึกษาขั้นตอนวิธีการขอลดเบี้ยประกันภาคสมัครใจอย่างละเอียด จะได้ไม่เสียสิทธิ์