เคลมประกันบ่อยแค่ไหน ถึงโดนแบล็คลิสต์
ถามว่ามีไหม? คนที่คิดว่า ฉันจะทำประกันชั้น 1 เคลมได้ทุกอย่างนี่ ก็ขอเคลมสี เคลมกระจก ทำให้แตกเองแล้วก็ไปบอกกับประกันว่า ฉันไม่รู้ว่าใครทำ! .. เชื่อไหมว่ามีจริง ๆ นะคนแบบนี้
ถึงแม้ว่าจำนวนสัดส่วนจะมีไม่มาก แต่ก็มีจริง ๆ จนแม้กระทั่งหน่วยงาน สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เองก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับบริษัทประกันภัยที่เจอเรื่องแบบนี้บ่อย ๆ ด้วย เนื่องจากทุกปี จะมีผู้ที่ทำเรื่องขอเคลมเกินกับเบี้ยประกันที่ส่ง โดยไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าจริงหรือไม่จริง เพราะบางเรื่องไม่ต้องใช้บันทึกแจ้งความก็เคลมได้ อย่างเช่น รอยชน รอยข่วนเล็ก ๆ น้อย ๆ
ประกันชั้น 1 นี่แหละเจอเคลมบ่อย
ประกันภาคสมัครใจมี 5 แบบ (ชั้น 1 ถึง 5) แต่ที่เจอ
เคลมบ่อยสุดจนต้องมี Black List บ้าง ก็คือประกันชั้น 1 (เพราะตั้งแต่ประกันชั้น 2 ลงไปไม่ได้ซ่อมให้กับรถผู้ทำประกัน) โดยปกติแล้วใครจ่ายมากจ่ายน้อย ก็อยู่ที่ความเสี่ยง โดยรถสาธารณะก็มักจะต้องจ่ายเบี้ยประกันสูงกว่ารถที่คนขับคนเดียว ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่มีใครสามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่าแต่ละคนจะมีพฤติกรรมขับขี่อย่างไร? แต่ก็มีสถิติการเก็บประวัติ จากประเภทของรถ เพศและอายุของคนขับเป็นเกณฑ์
เคลมเท่าไหร่ถึงเรียกว่าบ่อย?
เคลมบ่อย เคลมเยอะ อย่างที่เราพูดถึงในวันนี้เป็นการเคลมระดับที่ต้อง Black List กันก็คือ การที่คุณเคลมเกิน 200% ของเบี้ยประกันภัยต่อปี แบบกรณีที่ไม่สามารถระบุคู่กรณีได้ ยกตัวอย่างเช่น คุณบอกว่าคุณขับรถชนต้นไม้ หรือ อะไรก็ไม่รู้มากระแทกรถ ต้องซ่อมสี ซ่อมรอยบุบ โดยทำประกันรถไว้ 10,000 บาท แต่ซ่อมสีซ่อมทุกอย่างเกิน 2 ล้านบาท นี่ถือว่าปีหน้า ประกันไม่รับทำต่อแน่นอน (แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้อนุมัติให้ถึง 200 เท่าง่าย ๆ หรอกนะครับ)
ความเสียหายไม่สามารถระบุคู่กรณีได้ คืออะไร?
ความเสียหายแบบนี้เรียกกันภาษาเรา ๆ ท่าน ๆ ว่า
“เคลมแห้ง” คือการเคลมโดยไม่สามารถระบุตัวผู้ชนได้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นคน หรือสิ่งของทำให้รถเป็นรอย แต่หากรู้ว่ามีคู่กรณีเป็นพาหนะมาชน อย่างน้อย พ.ร.บ. ของรถคันนั้นก็ต้องช่วยจ่ายค่าเสียหายแก่เราบ้าง ถึงแม้ว่าปีนั้นมูลค่าการเคลมสูง ประกันก็ไม่ Black List เราครับ
แต่จะมีผู้ที่ชอบเคลมทีเดียว (เก็บรอบคัน) เมื่อเกือบครบปี เพราะไม่ค่อยมีเวลาเอารถเข้าอู่ไปซ่อมสี เพราะต้องใช้รถบ่อย ๆ แบบนี้หากเคยมีใบเคลมที่เก็บสะสมมาตลอดทั้งปี ทางประกันก็ยังซ่อมให้อยู่ครับ และยอดก็ต้องไม่เกิน 200% ก็ไม่มีปัญหา ไม่ถูก Black List แต่ถามว่ามีโอกาสถูกเก็บเบี้ยเพิ่มขึ้นในความคุ้มครองเท่าเดิมไหม? ก็อาจจะมี แต่จะดีกว่าไหม
หากเคลมแบบพอดี เคลมไม่บ่อย และได้รับส่วนลดในปีต่อไป สูงสุด 50% เลยทีเดียว แม้ว่าจะย้ายค่ายไปใช้ประกันภัยเจ้าอื่น เราก็นำประวัติที่ไม่เคยเคลมนี้ไปเป็นส่วนลดต่อได้เช่นเดียวกัน (แต่ต้องดูว่าเขามีนโยบายให้ส่วนลดคนขับประวัติดีด้วยหรือเปล่า?)
เคลมแค่ไหน เสียประวัติ?
เคลมแห้ง 200% ของราคาเบี้ยประกันภัยที่จ่ายต่อปี โดยเคลมความเสียหาย ตั้งแต่ 2 ครั้งขึ้นไป แต่หากเกิดอุบัติเหตุรถชน (อาจจะไม่ครั้งเดียว) กับคู่กรณี แล้วต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาล ค่าอื่น ๆ รวมแล้วจะไม่เกิน 200% ของเบี้ยประกันภัยที่จ่าย (ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยเกินเพราะประกันภัยคิดทุนประกันมาไว้แล้ว) เพียงครั้งเดียว ก็ไม่ถือว่าติด Blacklist
ติดแบล็คลิสกับประกันสามารถต่อประกันกับเจ้าเดิมได้ไหม?
หากอยากต่อกับที่เดิมอยู่ ก็ต้องจ่ายเบี้ยเพิ่ม 30% จากเบี้ยประกันเดิมในทุนประกันเท่าเดิม
บริษัทประกันไม่รับต่อประกันเราได้ด้วยหรอ?
ประกันเจ้าเดิมมีสิทธิ์ปฏิเสธการต่ออายุให้ผู้ที่เรียกเคลมสินไหมเกิน 200% แบบระบุคู่กรณีไม่ได้ตามที่กล่าวมา แต่คุณก็สามารถย้ายค่ายไปต่อประกันภาคสมัครใจกับเจ้าอื่นได้ นอกจากนี้มี 3 ข้อ หากเกิดขึ้นแล้วประกันไม่รับเคลม ได้แก่ 1) นำรถยนต์ไปใช้นอกอาณาจักร 2) นำรถยนต์ไปใช้ชิงทรัพย์หรือขนยาเสพติด และ 3) ใช้แข่งขันความเร็ว ดังนั้นรถแต่ง รถซิ่ง ก็จะไม่ได้รับความคุ้มครองในเรื่องนี้
สรุปแล้ว คนที่ทำประกันภัยแล้วเคลมทุกปีให้คุ้มก็มี แต่มันจะคุ้มหรือเปล่า? หากบริษัทหลายแห่งเขาไม่รับแล้ว ส่วนคนที่เคลมบ่อย แต่มูลค่าไม่เยอะ ยังไม่ถึง 200% ก็อาจยังไม่ถูก Black list โดยหากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการจ่ายเบี้ยประกันภัยและสินไหมต่าง ๆ ทั้งประกันรถยนต์ ประกันชีวิต และอื่น ๆ สอบถามกับสายด่วนประกันภัยได้ที่ 1186 หรือ 02 547 4524
แต่หากคุณคือมนุษย์เงินเดือน ใช้ชีวิตแบบยุ่งๆ ไม่ค่อยมีเวลา พี่หมีแนะนำ ประกันรถยนต์สำหรับมนุษย์เงินเดือน ให้คุณผ่อนสบายๆ 0% นาน 10 เดือน พร้อมบริการเสริม ไปทำธุระแทนคุณ รับรถเข้าอู่ซ่อมฟรี! บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน ตลอด 24 ชั่วโมง และคุ้มครอง Gadget ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือ Notebook Tablet รวมถึงกล้องหน้ารถอีกด้วย สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกเลย
ประกันรถยนต์สำหรับมนุษย์เงินเดือน
READ MORE :