เลี้ยวหลบรถ
โดนมอเตอร์ไซค์พยศชนท้ายยับ
คน 3 ชีวิต รถยนต์ 2 คัน มอเตอร์ไซค์ 1 คัน ต้องมาพัวพันกับปัญหารถชนน่าปวดหัว ใครคือคนผิด ใครคือผู้บริสุทธิ์...ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น!
ลุงชาติขับรถเชื่องช้าในเลนซ้ายสุด เขาไม่ได้ขับรถทางไกลมาเป็น 10 ปี มาได้ครึ่งทางจู่ๆก็รู้สึกเหนื่อยขึ้นมาซะงั้น จึงตัดสินใจจอดพักรถข้างทาง ห่างจากปากซอยประมาณ 300 เมตร
สาลี่ สาวโก๊ะมือใหม่หัดขับ กำลังขับรถเก๋งตามหลังลุงชาติมาติดๆ พอเห็นรถข้างหน้าหยุดจอดริมทาง เธอจึงเปิดไฟเลี้ยวขวาเพื่อเบี่ยงรถออกเลนข้างๆ
หารู้ไม่ว่าอีกเลนหนึ่ง พายุ หนุ่มเลือดร้อนกำลังขับมอเตอร์ไซค์พุ่งตรงมาด้วยความเร็ว
และแล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น! เมื่อพายุเห็นรถสาลีเปลี่ยนเลนแต่เบรคไม่ทัน จึงชนเข้ากับท้ายรถสาลี่อย่างจัง
โชคดีที่พายุห้อยพระดีจึงไม่ได้เจ็บอะไรมาก แต่ด้วยความโกรธ เขาเดินมาเคาะกระจกรถสาลี่เพื่อจะได้ออกมาเคลียร์กัน แต่สาลี่กลัวจนลนลาน เธอล็อคประตูและไม่ยอมลงจากรถ เธอไม่อยากมีเรื่องชกต่อยกับใคร
ลุงชาติที่เห็นเหตุการณ์ไม่สู้ดีจากที่เหนื่อยๆก็หลับไม่ลง เขาคิดว่าตนอาจมีส่วนผิดที่จอดรถข้างทางเช่นนี้ จึงเข้ามาไกล่เกลี่ย
...จากนั้นไม่นาน สาลี่ค่อยๆรวบรวมสติก่อนลงจากรถเพื่อเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดพร้อมกับลุงชาติและพายุ เจ้าหน้าที่ประกันภัยรับฟังอย่างสุขุม พลันไขข้อสงสัยที่อยู่ในใจทุกคน
เจ้าหน้าที่ประกันภัยทำหน้าขรึมแล้วพูดต่อ
เจ้าหน้าที่ประกันภัยพยักหน้าและกล่าวต่อ
พายุ หนุ่มเจ้าอารมณ์ของเราเงียบไปซักครู่ ก่อนจะยอมรับผิดแต่โดยดี
สุดท้ายเหตุการณ์ชนอลเวง ก็ทำให้ทุกคนหันมาสนใจความปลอดภัยบนท้องถนนกันมากขึ้น
สรุป
ในกรณีที่ลุงชาติ จอดรถห่างจากทางเข้าซอยถึง 300 เมตร และจอดรถยนต์ในช่องทางเดินรถซ้ายสุด ไม่มีความผิดแต่อย่างใด
ส่วนกรณีของรถยนต์สาลี่ และมอเตอร์ไซค์พายุ กรณีดังต่อไปนี้แบ่งได้เป็นสองกรณี
1) หากพายุขับรถมอเตอร์ไซค์ชนส่วนหน้า หรือ ส่วนข้างของรถยนต์สาลี่ การวินิจฉัยความรับผิดจะต่างไปอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากกรณีดังกล่าวจะเป็นเรื่องของการที่รถยนต์สาลี่เปลี่ยนเลนโดยประมาท กล่าวคือไม่หยุดรอ แล้วเปลี่ยนช่องทางเดินรถเมื่อปลอดภัย เนื่องจาก มาตรา 36 วรรค 4 ของพรบ. จราจรทางบก พ.ศ.2522 กำหนดไว้ว่า ผู้ขับขี่ต้องให้สัญญาณด้วยมือและแขน ไฟสัญญาณหรือสัญญาณอย่างอื่นตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถอื่นเห็นได้ในระยะไม่น้อยกว่าหกสิบเมตร จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่าสาลี่ต้องเปิดไฟออกขวาไปยังเลนที่สองและรีบตบไฟซ้ายเพื่อเข้าซอย จากข้อเท็จจริงนี้คาดเห็นได้ว่า ระยะที่พายุจะเห็น รถยนต์ของสาลี่ ไม่ถึงระยะ 60 เมตรตามที่กฎหมายกำหนดอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้น หากเป็นกรณีนี้คุณสาลี่ ต้องรับผิดต่อคุณพายุ
2) การที่พายุขับมอเตอร์ไซค์ ชนท้ายรถยนต์ของสาลี นั้น อาจจะถือได้ว่าพายุขับขี่โดยประมาทเนื่องจาก พรบ.จราจรทางบกพ.ศ. 2522 กำหนดไว้ใน มาตรา 40 ว่าผู้ขับขี่ต้องขับรถให้ห่างรถคันหน้าพอสมควรในระยะที่จะหยุดรถได้โดยปลอดภัยในเมื่อจำเป็นต้องหยุดรถ เมื่อรถมอเตอร์ไซค์ของพายุไม่สามารถหยุดรถได้ทัน ถือว่าพายุไม่ได้เว้นระยะห่างอย่างพอสมควร เพราะฉะนั้น พายุต้องรับผิดต่อสาลี่
ในกรณีนี้จึงสรุปว่าพายุ เนื่องจากเป็นฝ่ายขับชนท้ายรถของสาลี่ มีความผิดใน พรบ.จราจรทางบกพ.ศ. 2522 กำหนดไว้ในมาตรา 40