เช็คราคาแผนประกัน
กรอกข้อมูลเพื่อค้นหาแผนประกัน
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อ *
นามสกุล *
เบอร์โทรศัพท์มือถือ *
|
อ่านแล้ว 625 ครั้ง
รถยนต์สตาร์ทไม่ติดปัญหาที่แสนจะหงุดหงิดกวนใจ และมักเกิดขึ้นบ่อยเหลือเกินโดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งรีบตลอดๆ =.= พี่หมีหละเข้าใจเลย... เกิดเหตุการณ์แบบนี้ทีไรเล่นเอามือใหม่หลายคนไปไม่เป็นเลย หากต้องมาเจอสภาพปัญหานี้ แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าทำไมอยู่ดีๆ รถยนต์ถึงสตาร์ทเท่าไหร่ก็ไม่ยอมติด พี่หมีบลูแบรี่ทีคิวเอ็มมีวิธีการตรวจเช็คมาแนะนำสำหรับมือใหม่จะได้เตรียมรับมือล่วงหน้านะครับ
แบตเตอรี่เสื่อม
ข้อสันนิษฐานแรกที่ดูเหมือนจะเป็นปัญหาโลกแตกกับรถทุกคัน เนื่องจากอายุการใช้งานขั้นต่ำของแบตเตอรี่รุ่นธรรมดาทั่วไปจะอยู่ที่อย่างน้อยประมาณ 2 ปี และมากสุดไม่เกิน 4 ปี ซึ่งอาการเตือนของปัญหานี้คือ รถเริ่มสตาร์ทติดยาก หรือกว่าจะสตาร์ทติดก็มีเสียงแชะๆ ลากยาว ส่วนวิธีแก้ปัญหาแบตเตอรี่เสื่อมเบื้องต้นก็คือ การขอพ่วงแบตเตอรี่กับรถคันอื่นไปก่อนครับ
ไดชาร์จเสีย
อาการนี้ค่อนข้างคล้ายกับแบตเตอรี่เสื่อม เพียงแต่ว่าหากเครื่องยนต์ติดอยู่ มันจะดับเองในขณะที่ใช้รอบต่ำ หรือหากรถกำลังเคลื่อนที่อยู่ อาจดับไปกลางอากาศเลยก็มี วิธีแก้ปัญหาให้ใช้การพ่วงแบตเตอรี่กับรถคันอื่นเช่นกัน แต่ถ้าอยากเช็คให้ชัวร์หลังจากสตาร์ทรถติดให้ทิ้งไว้สักพัก แล้วค่อยถอดขั้วแบตเตอรี่ออกข้างหนึ่ง ถ้ารถดับทันที รถกระตุก หรือมีอาการไฟตก แปลว่าไดชาร์จเสื่อมแน่นอน
มอเตอร์สตาร์ทเสื่อม
หากลองเช็คอาการทั้งแบตเสื่อม และไดชาร์จเสียแล้วยังไม่ใช่ ให้พุ่งเป้ามาที่ตัวมอเตอร์สตาร์ทได้เลย การแก้ไขปัญหาเบื้องต้นให้ลองสตาร์ทรถแบบเร็วๆ บิดกุญแจรวดเดียวแล้วสตาร์ทเลย ซัก 2-3 ครั้ง ถ้าไม่ได้ผลให้หาคนมาช่วยเข็นรถ หรือถ้าไม่มีคนช่วยเข็น ให้หาไม้ ท่อนเหล็ก หรือพวกประแจถอดล้อ เคาะที่ตัวไดสตาร์ทเบาๆ 4-5 ครั้ง (ระวังอย่าให้โดนอุปกรณ์อื่น) แล้วไปสตาร์ทรถอีกครั้ง
ระบบไฟฟ้ามีปัญหา
อันนี้ปัญหาใหญ่เลยครับ แต่ก็ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ เช่นกัน ถ้าบิดกุญแจแล้วไฟที่แผงหน้าปัดไม่มีอะไรขึ้นเลย ก่อนหน้านี้จอดทิ้งรถไว้นานๆ มีกรณีหนูเข้ามากัดสายไฟมาแล้ว การตรวจเช็คลองพ่วงแบตดูก่อน ถ้าไม่มีการตอบสนองอะไรเลย ให้ส่งเข้าอู่ซ่อมได้เลยครับ
ส่วนถ้าเป็นในกรณีที่เผลอเปิดอุปกรณ์ไฟทิ้งหน้ารถ หรือในรถไว้สามารถแก้ไขเฉพาะหน้าได้ด้วยวิธีพ่วงสตาร์ทแบต โดยไม่ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ หากสตาร์ทติดแล้วอย่าเพิ่งดับเครื่องทันที ให้ขับไปสักพัก เพื่อให้แบตเตอรี่ได้ชาร์จไฟจนมีประจุเพียงพอในการสตาร์ทครั้งต่อไปนะครับ
ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือมือเก๋า เมื่อเกิดเหตุขึ้นมาก็ต้องพยายามตั้งสติและหาวิธีรับมือให้ได้นะครับ ที่สำคัญคือควรมีอุปกรณ์พื้นฐานติดไว้ในรถยามฉุกเฉินด้วยนะ เช่น สายพ่วงแบตเตอรี่ แม่แรง ประแจขันล้อ ยางอะไหล่ ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะได้แก้ปัญหาเบื้องต้นได้เองนะครับ
ยังไงเพื่อนๆลองนำวิธีการที่พี่หมีนำมาแนะนำไปลองใช้ดูครับ อย่าลืมหมั่นสังเกตอาการผิดปกติของรถที่เราใช้อยู่เสมอด้วยนะ แต่ถ้านึกอยากมีประกันภัยดีๆ ไว้คอยกันความเสี่ยง มีปัญหาอะไรก็อุ่นใจ คลิกมาที่นี่เลย www.tqm.co.th หรือ โทรสายด่วน 1737 ตลอด 24 ชั่วโมง
ขอขอบคุณข้อมูล
www.sanook.com
www.heremoo.com
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อ *
นามสกุล *
เบอร์โทรศัพท์มือถือ *