21/11/67

|

อ่านแล้ว 4,217 ครั้ง

หม้อน้ำรั่ว รถยนต์เสี่ยงพัง! ควรเปลี่ยนใหม่หรือแค่ซ่อม

    หม้อน้ำรั่ว ถือเป็นหนึ่งในปัญหาที่มักเกิดขึ้นได้กับรถยนต์ทุกคัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานมากแล้วหรือรถยนต์ที่ขับในระยะทางไกลๆเป็นเวลานาน วันนี้พี่หมี TQM จะมาอธิบายถึงสัญญาณเตือน สาเหตุ วิธีเช็คว่าหม้อน้ำรั่วหรือไหม ที่ผู้ขับขี่สามารถลองทำตามได้ พร้อมกับถ้าเกิดปัญหาหม้อน้ำรั่วควรเปลี่ยนใหม่หรือแค่ซ่อม มาให้กับผู้ขับขี่แล้วครับ

 

หม้อน้ำรถยนต์คืออะไร และมีหน้าที่อย่างไร?

    หม้อน้ำรถยนต์ คือส่วนประกอบสำคัญของระบบหล่อเย็น (Cooling System) ทำหน้าที่ระบายความร้อนจากเครื่องยนต์ โดยมีน้ำยาหล่อเย็นไหลเวียนในระบบเพื่อนำความร้อนออกจากเครื่องยนต์และปล่อยสู่บรรยากาศผ่านครีบระบายความร้อน หม้อน้ำจึงเปรียบเสมือน "ตัวช่วยชีวิต" ที่ป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์ร้อนเกินไป (Overheat) ซึ่งหน้าตาหม้อน้ำรถยนต์มักจะเป็นทรงสี่เหลี่ยม ด้านในเป็นท่อโลหะขดวนไปมา เพื่อให้ลมจากพัดลมหน้าหม้อน้ำและกระแสลมขณะรถวิ่งช่วยระบายความร้อน โดยหม้อน้ำรถยนต์จะมีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภท ได้แก่ หม้อน้ำอลูมิเนียมแบบฝาเป็นพลาสติก หม้อน้ำอลูมิเนียมทั้งใบ และหม้อน้ำทองแดง ซึ่งหม้อน้ำแต่ละประเภทก็ต้องมีข้อดี ข้อเสียที่แตกต่างกันไป โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกใช้หม้อน้ำรถยนต์ให้เข้ากับความต้องการของคุณได้เลยครับ

เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ กับ TQM

สัญญาณเตือน หม้อน้ำรั่ว

    อาการหม้อน้ำรั่ว มักจะต้องมีสัญญาณเตือนจากรถยนต์ที่ทำให้รู้ว่ารถยนต์ของคุณกำลังมีปัญหา ซึ่งมักมีสัญญาณเตือนดังต่อไปนี้

  • มีน้ำหยดลงมาจากใต้ท้องรถหรือบริเวณหม้อน้ำเป็นจำนวนมาก
  • สัญญาณเตอนจากหน้าเกจวัดอุณหภูมิเครื่องยนต์ที่สูงกว่าปกติ
  • น้ำยาหล่อเย็นในหม้อน้ำมีการลดลงที่เร็วผิดปกติ
  • เครื่องยนต์มีควันหรือไอน้ำออกมา จากกระโปรงหน้ารถยนต์ 

 

หม้อน้ำรั่ว เกิดจากอะไร

    หม้อน้ำรั่ว มักเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการสึกหรอตามอายุการใช้งาน หรือฝาหม้อนำเสื่อมสภาพ หรือการโดนกระแทกอย่างรุนแรงจากการชน หรือแม้กระทั่งการใช้น้ำหล่อเย็นไม่ตรงรุ่น ซึ่งนี่ก็เป็นสาเหตุโดยคร่าว แต่ยังมีสาเหตุที่ทำให้หม้อน้ำรั่วอีก ดังต่อไปนี้

 

1. การสึกหรอตามอายุและการใช้งาน

    โดยปกติแล้ว หม้อน้ำรถยนต์จะมีอายุการใช้งานเฉลี่ยอยู่ที่ 5 – 7 ปี หรือราวๆ 100,000 – 150,000 กิโลเมตร ซึ่งขึ้นอยู่กับการใช้งานของผู้ขับขี่ โดยมากมักจะเกิดการกัดกร่อน เป็นสนิมจนเกิดรอยรั่วขึ้นมาได้

 

2. การโดนกระแทกจากการชน

    อุบัติเหตุรถชน หรือการที่มีก้อนหินขนาดใหญ่มากระแทกบริเวณหน้ารถ มักเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้หม้อน้ำรั่ว หรือร้าวจนต้องเปลี่ยนใหม่ได้

 

3. ฝาหม้อน้ำเสื่อมสภาพ

    ถือเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้แรงดันในหม้อน้ำสูงผิดปกติ และส่งผลต่อรอยต่อต่าง ๆ จนเกิดการรั่วซึมของหม้อน้ำรถยนต์ได้

 

4. การใช้น้ำหล่อเย็นเติมหม้อน้ำแบบไม่ตรงรุ่น

    คนส่วนใหญ่อาจคิดว่า น้ำยาหล่อเย็นสามารถใช้ร่วมกันได้ หรือสามารถใช้น้ำเปล่าเติมลงหม้อน้ำแทนเลย แต่ในความจริงแล้วการใช้น้ำหล่อเย็นที่ไม่ตรงรุ่นอาจทำให้เครื่องยนต์มีปัญหา แต่อาจจะไม่ได้ทำให้รถพังในทันที แต่ในระยะยาวอาจทำให้เกิดตะกอน และเป็นสาเหตุทำให้เกิดการรั่วของหม้อน้ำรถยนต์ได้เช่นกัน

หม้อน้ำรั่ว เกิดจากอะไร

วิธีดูว่าหม้อน้ำนั้นรั่วหรือไม่

    ให้ผู้ขับขี่ลองเปิดฝาหม้อน้ำ ในขณะเครื่องยนต์เย็นหรือจอดรถเสร็จพักนึงแล้ว และลองเติมน้ำทีละน้อยๆ ทิ้งช่วงห่างกันเวลาประมาณ 5 นาที พร้อมคอยสังเกตระดับน้ำที่เติมไว้ ถ้าเติมน้ำแล้วปริมาณน้ำลดลง เติมไปเท่าไหร่ก็ไม่เต็มซักที แสดงว่าหม้อน้ำมีรอยรั่ว ให้รีบจัดการเปลี่ยนหม้อน้ำใบนั้นโดยทันที เพราะถ้าหากยังฝืนใช้ต่อ อาจทำให้เครื่องยนต์มีปัญหาหรือรถยนต์ดับได้เลย

 

หม้อน้ำรั่ว ขับต่อได้ไหม

    หากเกิดอาการหม้อน้ำรั่ว ผู้ขับขี่ไม่ควรที่จะเลือกขับรถต่อครับ เพราะอาจทำให้เครื่องยนต์สึกหรอหรือพังได้เลย ผู้ขับขี่ควรรีบขับรถเข้าข้างทาง เพื่อจอดและดับเครื่องให้เรียบร้อย แล้วโทรเรียกรถลาก หรือรถยก เพื่อที่จะนำส่งยนต์ของท่านส่งศูนย์หรือเข้าอู่ เพื่อซ่อมหรือเปลี่ยนหม้อน้ำใหม่แทน เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณและตัวรถยนต์

 

หม้อน้ำรั่ว ซ่อมได้ไหม

    หม้อน้ำรั่ว เป็นอาการที่สามารถซ่อมได้ แต่บอกไว้ก่อนเลยว่า การซ่อมก็เป็นเพียงหนึ่งวิธีที่ช่วยแก้ไขได้ปัญหาหม้อน้ำรั่ว แต่หม้อน้ำก็อาจจะกลับมารั่วซึมอีกครั้งได้เมื่อใช้งานไปสักพัก จึงไม่แนะนำให้ทำการซ่อม แต่ควรเลือกเปลี่ยนแผงหม้อน้ำรถยนต์ใหม่ไปเลยครับ  เพราะจะได้เป็นการจบปัญหาที่ตรงจุดกว่า โดยเฉพาะคนที่ต้องใช้รถเป็นประจำ หรือเดินทางไกลอยู่บ่อยๆ จะได้ไม่ต้องมานั่งกังวลใจว่าจะเกิดปัญหาหม้อน้ำรั่วอีก

 

เปลี่ยนหม้อน้ำ ราคากี่บาท

    หากหม้อน้ำรั่ว และต้องการเปลี่ยนใหม่ มักจะมีราคาตั้งแต่ 1,500 - 6,500 บาท หรือมากกว่านี้ โดยจะขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ และความนิยมของแบรนด์เป็นหลัก หากเลือกที่จะเปลี่ยนหม้อน้ำใหม่ ให้ไปเปลี่ยนที่ศูนย์ของรถยนต์ จะเป็นการดีที่สุด แต่หากกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ก็สามารถใช้งานหม้อน้ำงานเทียบจากแบรนด์ดังๆในท้องตลาดได้เช่นกัน เพียงแต่ต้องสังเกตให้ดีก่อนซื้อเท่านั้นครับ

หม้อน้ำรั่ว ซ่อมได้ไหม

วิธีดูแลรักษาหม้อน้ำรถยนต์

    หม้อน้ำรถยนต์ ถือเป็นส่วนสำคัญของระบบหล่อเย็น การดูแลรักษาอย่างถูกวิธี ก็สามารถช่วยป้องกันปัญหาหม้อน้ำรั่ว และยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ได้ด้วย ซึ่งมีวิธีดูแลรักษาหม้อน้ำที่ถูกต้องดังต่อไปนี้

 

1. การตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นอย่างสม่ำเสมอ

    น้ำหล่อเย็นในหม้อน้ำ จะทำหน้าที่ระบายความร้อนจากเครื่องยนต์ ควรตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นในหม้อน้ำรถ อย่างน้อยเดือนละครั้ง เพื่อให้หม้อน้ำสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรเปิดฝาถังพักน้ำ (เมื่อเครื่องยนต์เย็นสนิท) และดูระดับน้ำว่าตรงกับขีดที่กำหนดไว้หรือไม่ หากระดับน้ำลดลงผิดปกติ ควรตรวจสอบระบบว่ามีรอยรั่วหรือไม่ หรือนำรถยนต์เข้าศูนย์บริการหรืออู่ เพื่อเช็คให้แน่ใจ

 

2. การใช้น้ำยาหล่อเย็นที่ได้มาตรฐาน

    การใช้น้ำเปล่าแทนน้ำยาหล่อเย็นอาจทำให้เกิดสนิมและการกัดกร่อนในระบบหล่อเย็นได้ ควรใช้น้ำยาหล่อเย็นคุณภาพสูงที่เหมาะกับรถยนต์ของคุณ น้ำยาหล่อเย็นมีสารป้องกันสนิมและการกัดกร่อน ซึ่งช่วยยืดอายุหม้อน้ำและระบบหล่อเย็นได้

 

3. การล้างหม้อน้ำตามกำหนดเวลา

    การล้างหม้อน้ำช่วยกำจัดคราบสนิม ตะกรัน และสิ่งสกปรกที่อาจสะสมอยู่ในระบบหล่อเย็น ส่วนระยะเวลาที่ควรล้างหม้อน้ำ คือทุกๆ 40,000-50,000 กิโลเมตร หรือปีละครั้ง การล้างหม้อน้ำควใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหม้อน้ำเฉพาะทาง และควรล้างโดยช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อความปลอดภัย

4. การตรวจสอบท่อยางและซีลข้อต่อหม้อน้ำ

    ท่อยางและซีลข้อต่อเป็นจุดที่มักเกิดรอยรั่ว หากเสื่อมสภาพอาจทำให้น้ำหล่อเย็นรั่วไหล ควรตรวจสอบดูว่าท่อยางมีรอยแตกร้าว บวม หรือแข็งเกินไปหรือไม่ หากพบปัญหา ควรเปลี่ยนหม้อน้ำทันที เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเพิ่มขึ้นได้

 

5. ระวังการใช้น้ำมันเครื่องหรือสารเคมีผิดประเภท

    น้ำมันเครื่องบางชนิดหรือสารเคมีที่ไม่ได้มาตรฐานอาจไหลเข้าสู่ระบบหล่อเย็นและทำลายหม้อน้ำรถยนต์ได้ ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับรุ่นและยี่ห้อของรถยนต์เท่านั้น

 

6. อย่าเปิดฝาหม้อน้ำขณะเครื่องยนต์ร้อน

    การเปิดฝาหม้อน้ำขณะที่เครื่องยนต์ยังร้อนอยู่ อาจทำให้ไอน้ำหรือของเหลวพุ่งออกมาและทำให้เกิดอันตรายได้ ควรรอให้เครื่องยนต์เย็นสนิทก่อน แล้วคค่อยตรวจสอบหม้อน้ำ

 

7. หลีกเลี่ยงการขับรถในสภาพที่เครื่องยนต์ร้อนจัด

    หากเกจวัดอุณหภูมิขึ้นสูงกว่าปกติ ควรหยุดรถและตรวจสอบหม้อน้ำทันที หากฝืนขับต่อในสภาพที่เครื่องยนต์ร้อนจัด อาจทำให้หม้อน้ำและเครื่องยนต์เสียหายรุนแรง

 

8. การเปลี่ยนฝาหม้อน้ำตามระยะเวลา

    ฝาหม้อน้ำมีบทบาทสำคัญในการควบคุมแรงดันในระบบหล่อเย็น หากสปริงเสื่อมสภาพ อาจทำให้แรงดันไม่คงที่ควรเปลี่ยนฝาหม้อน้ำทุก ๆ 2-3 ปี หรือเปลี่ยนเมื่อพบว่าแรงดันไม่คงที่

 

9. การตรวจเช็กระบบหล่อเย็นโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ

    แม้ว่าผู้ขับขี่จะดูแลหม้อน้ำเป็นอย่างดีแค่ไหน แต่การตรวจเช็กโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ ก็ยังเป็นสิ่งสำคัญ ฉะนั้นการนำรถยนต์เข้าศูนย์บริการหรืออู่ เพื่อตรวจเช็กระบบหล่อเย็นอย่างน้อยปีละครั้ง

 

    เห็นได้ว่าปัญหา หม้อน้ำรั่ว ถือเป็นปัญหาที่ควรตรวจสอบและแก้ไข โดยสามารถปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเช็คสภาพอยู่เสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์เสียหายรุนแรงไปกว่านี้ เพราะถ้าหากเกิดปัญหาในวันรีบๆ ผู้ขับขี่อาจเสียเวลา เพราะไม่สามารถใช้รถยนต์ได้แล้ว ทางที่ดีการมีประกันรถยนต์ไว้ จะมาพร้อมบริการช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็น บริการรถยก รถลาก ที่พร้อมช่วยคุณเสมอเมื่อเกิดปัญหา ถ้าเพื่อนๆ คนไหนสนใจประกันรถยนต์กับทาง TQM สามารถกรอกข้อมูลด้านล่างเพื่อค้นหาแผนประกันรถยนต์ที่ตอบโจทย์คุณ หรือหากต้องการปรึกษาเรื่องประกัน สามารถทักแชทหาพี่หมี TQM ได้ที่นี่ หรือติดต่อเจ้าหน้าที่ผ่านทาง Hotline 1737 ยินดีให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงครับ

 

 


    

 

 

 

 

 

เช็คราคาแผนประกัน

กรอกข้อมูลเพื่อค้นหาแผนประกัน

ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อ *

นามสกุล *

เบอร์โทรศัพท์มือถือ *

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง