4 สเต็ปต้องทำ
ก่อนนำรถเก่าไปซ่อม
หนึ่งในความกังวลใจอันดับต้นๆของคนที่อยากเอารถไปซ่อมคือกลัวซ่อมแล้วรถไม่ดีขึ้น จ่ายเงินซ้ำซ้อน ด้วยการนี้พี่หมีจึงรวบรวมข้อมูลทั้งปัญหาและความกังวลจากผู้ใช้รถจริงใน Pantip และข้อมูลทางเทคนิคจากช่างซ่อมรถมาวิเคราะห์ตกผลึกเป็นข้อมูล 4 ขั้นตอนต้องทำก่อนนำรถเก่าไปซ่อม มีจุดไหนที่ต้องคิด ต้องใส่ใจก่อนที่จะนำรถไปซ่อม เพื่อให้ซ่อมรถแล้วไม่โดนโกง อุ่นใจแน่นอนครับผม ตามพี่หมีมาอ่านกันเลย
1. หาข้อมูลเกี่ยวกับอู่ซ่อมรถ
อย่างแรกที่ต้องทำเลยคือตรวจเช็คอาการของรถ เพื่อหาข้อมูลว่ารถเสียที่จุดใดและเป็นปัญหาใหญ่หรือไม่ ถ้าหากเสียเฉพาะจุด เช่นเป็นปัญหาที่ยางรถยนต์ หรือปัญหาที่ปัดน้ำฝน สามารถนำไปซ่อมอู่เล็กๆทั่วไปได้ แต่หากเป็นปัญหาที่ระบบเครื่องซับซ้อนเช่น ช่วงล่างหรือระบบเพลาเสียหาย พี่หมีแนะนำให้ไปหาอู่หรือศูนย์ที่ได้มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือดีกว่าครับ
โดยวิธีการดูว่าอู่ไหนมีความน่าเชื่อถือสามารถดูได้หลายมุมครับ แต่หลักประกันที่เชื่อถือได้มากที่สุดคืออู่ที่มีเอกสารเกี่ยวกับอู่ หรือมีใบระบุเงื่อนไขในการซ่อม เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันของช่างและเจ้าของรถ และเพื่อยืนยันว่าคุณนำรถมาซ่อมจริงๆ
TIP: หากอู่ไหนไม่มีเอกสารเงื่อนไขการซ่อม พี่หมีแนะนำให้ขอนามบัตรของอู่ไว้ด้วย จะได้โทรเช็คความคืบหน้าได้ตลอดเวลาครับ
2. เช็คราคา
เรื่องราคาสำคัญมากครับ เพราะบ่อยครั้งที่ศูนย์ซ่อมหรืออู่รถพยายามโกงเราด้วยความคิดที่ว่าคนขับรถไม่รู้เรื่องหรอก ซึ่งพี่หมีไม่ปล่อยให้เป็นอย่างนั้นแน่นอนครับ ลองดูราคาค่าซ่อมง่ายๆ ดังนี้นะครับ
- พยายามเทียบราคาจากหลายๆที่ เพื่อให้ได้ราคาถูกที่สุดพร้อมกับมีความน่าเชื่อถือ
- ก่อนนำรถไปซ่อม ควรให้ช่างประเมินราคาโดยระบุค่าใช้จ่ายให้ละเอียดมากที่สุด เช่นค่าอะไหล่ ค่าช่าง ค่าอุปกรณ์ เพราะอาจถูกโกงอะไหล่หรือแอบแก้ส่วนที่ไม่ได้มีปัญหาและหากเราไม่มีใบประเมินราคาช่างอาจเปลี่ยนราคาได้ตามใจชอบและทำให้ราคาซ่อมแพงเกินไปครับ ต้องดูดีๆ
Tip: หากคุณรู้สึกว่าศูนย์ประเมินราคาแพงเกินไป ขอสามารถให้ศูนย์คิดเงินแค่ค่าเช็คสภาพรถโดยที่ไม่ต้องทำการซ่อมจริง จากนั้นเอาข้อมูลที่ได้ไปหาที่ซ่อมที่ให้ราคาเหมาะสมกว่าก็ได้ครับ
3. ตกลงเรื่องอะไหล่ให้ชัดเจน
สำหรับรถที่ยังสามารถหาอะไหล่ได้ก็คงไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าเป็นรถเก่าแล้วอะไหล่หายากก็คงต้องเรื่องเยอะหน่อยนะครับ เพราะช่างบางส่วนอยากจะทำงานให้จบเร็วๆ บางทีจะแนะนำให้เราเอาอะไหล่รุ่นอื่นมาใช้แทน ซึ่งบางรุ่นก็แทนกันได้จริงๆ แต่บางรุ่นก็ไม่ได้นะครับ มันจะมีผลกระทบตามมา เช่น กรณีเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ที่มีน้ำหนักมากขึ้น อาจต้องทำช่วงล่างใหม่ เพราะสภาพรถเดิมไม่สามารถรับน้ำหนักที่มากกว่าเดิมได้ ซึ่งบางครั้งอู่จะไม่บอกให้ต้องเปลี่ยนช่วงล่างด้วย ขับไปแล้วรถจะเสียเร็วมากๆ จึงควรจะตรวจสอบให้ดีว่าอู่จะเปลี่ยนอะไรใหม่บ้าง เพราะมีผลกระทบต่อรถในระยะยาวและราคาในการขายต่อด้วยครับ
ดังนั้นพี่หมีอยากให้คุยกันเรื่องอะไหล่ดีๆนะครับ หากสามารถหาอะไหล่รุ่นเดิมได้ก็ใช้นะครับ อย่าให้อู่นำอะไหล่แปลกปลอมมาใส่กับรถเราโดยพลการนะครับ
Tip: หลังซ่อมเสร็จควรขออะไหล่เก่ากลับมาด้วย เพื่อเป็นหลักฐานว่าเปลี่ยนส่วนไหนไปแล้วในกรณีที่รถมีปัญหาอีกครั้งด้วยครับ
4. เตรียมรถให้พร้อมก่อนซ่อม
ก่อนที่จะเอารถของคุณไปเข้าศูนย์ซ่อมให้เก็บของมีค่าทุกอย่างออกจากรถ เพราะบางครั้งศูนย์ต้องเคลียร์ของออกจากรถเพื่อซ่อมหรือทำความสะอาดภายในรถ ซึ่งขั้นตอนนี้อาจทำให้ของในรถของคุณหายไประหว่างการซ่อมครับ
รวมถึงควรจะเติมน้ำมันไว้ประมาณหนึ่งเพื่อให้ช่างสามารถใช้ทดสอบขับเมื่อซ่อมรถเสร็จ ไม่ควรอย่างปล่อยให้น้ำมันแห้งเหือดติดขีดแดงไปอู่ เพราะบางอาการเสียต้องมีการขับทดสอบเพื่อตรวจสอบว่าการซ่อมได้บรรลุผลหรือไม่ไงล่ะครับ ที่สำคัญเพื่อนๆควรเช็คเลขไมล์และปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงของรถในวันที่ส่งซ่อมด้วยนะครับ เพื่อเป็นการตรวจสอบว่าในช่วงที่เพื่อนๆทิ้งรถยนต์ไว้ ทางอู่มีการนำรถยนต์ของคุณไปใช้ส่วนตัวหรือไม่
ด้วย 4 สเต็ปง่ายๆแค่นี้ คุณก็สามารถเอารถเก่าไปซ่อมได้อย่างอุ่นใจขึ้น แต่หากใครที่ขับรถเก่าอยู่จะซ่อมกี่ครั้งก็ยังหวั่นใจเวลาขับทุกที พี่หมีมีคำตอบสำหรับคุณ ด้วย
ประกันภัยชั้น 3+ เพียง
555 บาทต่อเดือน ซื้อได้ไม่ต้องตรวจสภาพ รถจะเก่าขนาดไหนก็รู้สึกปลอดภัยได้ สนใจติดต่อ
TQM ทางเว็บไซต์
Live Chat หรือทาง
Call Center 1737 ได้ตลอด 24 ชั่วโมงเลยครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก