เช็คราคาแผนประกัน
กรอกข้อมูลเพื่อค้นหาแผนประกัน
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อ *
นามสกุล *
เบอร์โทรศัพท์มือถือ *
|
อ่านแล้ว 4,736 ครั้ง
การดูแลรถยนต์หลังจากที่เกิดน้ำท่วมเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อรถยนต์ในระยะยาว น้ำท่วมสามารถทำให้เกิดความเสียหายได้หลายส่วน ทั้งระบบไฟฟ้า เครื่องยนต์ และส่วนอื่นๆ การตรวจสอบรถยนต์หลังน้ำท่วมอย่างละเอียดจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้รถสามารถกลับมาใช้งานได้อย่างปลอดภัยและยาวนาน วันนี้พี่หมี TQM มีวิธีดูแลรถหลังน้ำท่วมขัง และตรวจเช็คจุดต่างๆ ของรถ มาฝากกันครับ
หลังจากที่รถยนต์ถูกน้ำท่วม อย่าพยายามสตาร์ทรถทันที เพราะอาจทำให้เครื่องยนต์เกิดความเสียหายจากน้ำที่เข้าไปในระบบต่างๆ เช่น ห้องเผาไหม้หรือระบบไฟฟ้า การพยายามสตาร์ทรถในขณะที่ยังมีน้ำหรือความชื้นอยู่ในระบบอาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายอย่างถาวร ควรปล่อยให้รถแห้งและตรวจสอบความเสียหายในส่วนต่างๆ ก่อน หากน้ำท่วมสูงขึ้นมาถึงภายในรถ เช่น เบาะนั่ง หรือแผงควบคุมไฟฟ้า จะต้องให้ช่างผู้เชี่ยวชาญเข้ามาตรวจสอบเพิ่มเติม แต่หากน้ำท่วมแค่ล้อรถหรือเพียงแค่ภายนอก อาจไม่ต้องกังวลเรื่องภายในมากนัก โดยจุดที่ควรตรวจเช็คนั้นมีดังนี้
สำหรับระบบเบรคของรถยนต์มีอยู่ 2 แบบ “ดิสก์เบรก” กับ “ดรัมเบรก” แต่ไม่ว่าจะเป็นระบบเบรคไหน ก็ไม่ถูกกับน้ำอยู่ดี เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า น้ำกับโลหะเมื่อมาเจอกัน จะทำให้โลหะเกิดสนิม ทำให้เบรคติดขัด ส่วนน้ำมันเบรกเกิดความชื้น ทำให้เบรคลื่น เบรคไม่อยู่และเกิดอุบัติเหตุได้ไม่เพียงเท่านี้ สิ่งปนเปื้อนและเศษผงที่มากับน้ำ จะเข้าไปติดในระบบเบรคจนทำให้เกิดอาการเบรคติดขัด เกิดเป็นรอยบนชุดจานเบรค
หลังจากต้องขับรถบนถนนที่มีน้ำท่วมขัง สิ่งที่ควรทำเสมอ คือ การเลียเบรค เพื่อไล่ความชื้นในผ้าเบรคออก ทำได้โดยการขับรถช้าๆ แล้วใช้เท้าซ้ายแตะเบรกเบา ๆ ค้างเอาไว้เป็นระยะทางสัก 100 เมตร เพื่อให้ผ้าเบรกเสียดสีกับจานเบรกจนเกิดความร้อนเป็นการช่วยเร่งการระเหยของความชื้นออกจากผ้าเบรกทำให้ระบบเบรกกลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยปกติแล้ว ลูกปืนล้อ หากถูกแช่น้ำนานๆ อาจต้องทำใจไว้ ลูกปืนจะพังเร็ว สังเกตอาการได้จากเสียง ลูกปืนล้อจะดังขึ้นเวลาวิ่งความเร็วสูงๆ เพราะจารบีที่คอยหล่อลื่นภายในลูกปืนได้หายไปกับน้ำ หรืออาจจะเสื่อมคุณภาพแล้วเมื่อถูกน้ำ แต่ถ้าเป็นการขับรถวิ่งผ่านน้ำเฉยๆ จะไม่ค่อยมีปัญหาอะไร แต่อย่างไรก็ควรเช็คอาการกันไว้ก่อน
ใครที่ขับรถลุยน้ำแบบมิดใต้ท้อง ต้องเช็คสิ่งนี้ด่วน! ชุดเพลาขับและเฟืองท้าย เป็นอุปกรณ์ที่สุ่งเสี่ยงต่อการน้ำเข้า ถ้ายางหุ้มเพลาเสื่อมฉีกขาด มีโอกาสน้ำเข้าไปชะจาระบีที่อยู่ภายในสูงพอตัว ส่วนเฟืองท้าย น้ำสามารถเล็ดเข้าไปให้ในท่อหายใจของน้ำมันเฟืองท้ายได้ หลังขับรถลุยย้ำมาแล้วให้เช็คเสียง หากชุดเพลามีปัญหาจะมีเสียงดังออกมา โดยแก้ด้วยการทาจารบีใหม่ เปลี่ยนยางหุ้มเพลาใหม่ และเปลี่ยนถ่ายของเหลว
ขับรถลุยน้ำขังบ่อยๆ อาจทำให้น้ำเข้ามาในรถแบบไม่รู้ตัว จนเกิดเป็นความชื้น ส่งกลิ่นเหม็นสาปภายในรถยนต์ ถึงแม้รถเราจะไม่ได้จมน้ำ แต่กลิ่นไม่พึงประสงค์นี้ก็ไม่ได้ทำให้รถเราต่างอะไรออกไป ฉะยั้ยเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจน้ำท่วมอย่าลืม ไปหาโอกาสกำจัดกลิ่นในระบบแอร์บ้าง
มาถึงสิ่งสุดท้ายที่ควรเช็ค คือ น้ำมันเครื่อง ว่ามีน้ำผสมอยู่หรือไม่ โดยการดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องออกมาเพื่อดูเนื้อของตัวน้ำมัน ถ้าเป็นเนื้อเดียวกันแสดงว่าไม่มีน้ำผสม แต่ถ้าดูแล้วน้ำมันเครื่องเป็นสีออกน้ำตาลๆ หรือแยกชั้นระหว่างน้ำกับน้ำมัน แสดงว่า น้ำได้เข้าไปรวมกับน้ำมันเครื่องแล้ว ต้องนำรถไปเปลี่ยนน้ำมันเครื่องพร้อมไส้กรองใหม่ทั้งหมดทันที
จะเห็นได้ว่าการดูแลรถยนต์หลังจากน้ำท่วมเป็นสิ่งที่สำคัญและต้องทำอย่างระมัดระวัง หากเราไม่มั่นใจควรนำรถไปเข้าอู่เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจเช็คตามจุดต่างๆ ด้วยวิธีที่ถูกต้อง แต่นอกจากการเช็คสภาพรถแล้ว พี่หมีแนะนำ ทำประกันรถยนต์ไว้ อย่างประกันชั้น 1 อย่างน้อยมีประกันช่วยชดเชยความเสียหายของรถยนต์ที่เกิดจากเหตุน้ำท่วมได้ สนใจ เช็คราคาประกันชั้น1 กับเรา คลิกที่นี่เลย รับรองได้ราคาสุดคุ้ม หรือปรึกษาเรื่องประกันภัย โทร 1737 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อ *
นามสกุล *
เบอร์โทรศัพท์มือถือ *