ถูกสุนัขกัดค่าวัคซีนพิษสุนัขบ้า เบิกได้ไหม
โรคพิษสุนัขบ้า ถือเป็นภัยร้ายใกล้ตัว และควรระมัดระวังตนเองอย่างมาก เนื่องจากยังไม่มียาที่สามารถรักษาให้หายได้ ปัจจุบันมีข่าวสุนัขกัดเด็กเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง หากโชคดีก็สามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้อย่างทันทวงที แต่หากโชคร้ายโดนสัตว์ที่ติดเชื้อพิษสุนัขบ้ากัด แล้วไม่ได้รับ
การฉีดวัคซีนป้องกันได้ทันเวลา ก็มีความเสี่ยงเป็นโรคพิษสุนัขบ้า และเสียชีวิต!
นอกจากสุนัขแล้ว หากถูกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกัด ข่วน หรือเลียบริเวณที่เป็นแผล ก็ส่งผลให้เกิดโรคพิษสุนัขบ้าเช่นกัน สำหรับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มักพบเชื้อพิษสุนัขบ้า ได้แก่ แมว กระรอก กระต่าย ลิง หนู วัว และค้างคาว ส่วนสาเหตุของโรคพิษสุนัขบ้าคือเกิดจากเชื้อไวรัสเรบีส์ ที่สามารถแพร่เชื้อกระจายไปสู่คน หรือสัตว์อื่นๆ ด้วยการกัด หรือมีแผลตามร่างกาย รวมถึงเยื่อบุตา อีกทั้งการที่ปากสัมผัสกับน้ำลายสัตว์ที่ติดเชื้อ ก็มีโอกาสเป็นโรคพิษสุนัขบ้าเช่นกัน
อาการเริ่มต้นของโรคพิษสุนัขบ้า มีลักษณะดังต่อไปนี้
- มีอาการคล้ายโรคไข้หวัดใหญ่
- มีอาการเหน็บชา กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- รู้สึกปวดแสบปวดร้อนบริเวณแผลที่โดนกัด
หลังจากนั้นอาการจะทวีความรุนแรงขึ้น ไปสู่ในระยะที่เสียชีวิต โดยมีอาการ ดังนี้
- เกิดอาการกลัวน้ำ กลืนน้ำลายไม่ได้
- มีอาการเกร็งที่บริเวณกล้ามเนื้อใบหน้า และลำคอ รวมถึงบริเวณกล้ามเนื้อที่ใช้กลืน และกล้ามเนื้อหัวใจ
- มีอาการกลืนอาหารลำบาก
- สมองมีอาการอักเสบทำให้ประสาทหลอน หวาดระแวง สับสน คลุ้มคลั่ง กระสับกระส่าย และโคม่า
- มีอาการหลั่งน้ำลาย และเหงื่อออกมากกว่าปกติ
- มีอาการพูดไม่ชัด
ในกรณีที่เชื้อเข้าสู่ร่างกาย จากนั้นจะเข้าสู่ระบบประสาท สมอง และไขสันหลัง ซึ่งหากเชื้อเข้าสู่สมองแล้ว ภูมิต้านทานที่ร่างกายสร้างขึ้นหลังจากฉีดวัคซีนจะไม่สามารถป้องกันได้ ซึ่งอาการที่บ่งชี้ว่าหมดทางรักษาแล้ว มีดังนี้
- ผู้ป่วยจะมีอาการสมองอักเสบ ในช่วง 2-3 วันแรก ซึ่งจะมีอาการปวดเมื่อยตามลำตัว มีไข้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร และมีอาการคัน รวมถึงปวดแสบบริเวณที่ถูกกัดในขณะที่แผลหายดีแล้ว
- มีอาการหงุดหงิด รู้สึกกระสับกระส่าย อยู่ไม่สุข และอาละวาด โดยจะเป็นอยู่ประมาณ 2-3 วัน หลังจากนั้นจะมีอาการซึมเศร้า ไม่ชอบแสงสว่าง กลัวน้ำ กลัวเสียงดัง มีน้ำลายไหล กลืนอาหารลำบาก และกล้ามเนื้อมีอาการเกร็ง
- มีอาการเอะอะโวยวาย รวมถึงมีอาการชัก หรืออาจมีอาการอัมพาต ที่ร้ายแรงไม่กว่านั้นคือสมองได้ถูกทำลาย และเสียชีวิตลงในที่สุด
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคร้ายกับตนเอง หรือคนในครอบครัว ควรอยู่ให้ห่างจากสัตว์ที่เสี่ยงเป็นโรคพิษสุนัขบ้า ไม่ว่าจะเป็น สุนัข หรือแมวจรจัด ทั้งนี้ทั้งนั้น หากโดนกัดควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อทำการฉีดยาป้องกันพิษสุนัขบ้า พี่หมีมีวิธีการเบื้องต้นที่ควรรู้ เมื่อถูกสัตว์จรจัดที่เสี่ยงเป็นโรคพิษสุนัขบ้ากัดมาแนะนำ ดังนี้
- ล้างแผลให้สะอาดด้วยน้ำเปล่า และฟอกสบู่ประมาณ 15 นาที เพื่อจะได้ล้างเชื้อออกไปให้มากที่สุด
- เมื่อแผลที่ล้างแห้งสนิท ให้เช็ดแผลด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโพวิโดนไอโอดีน (Povidone iodine) หรือฮิบิเทนในน้ำ (Hibitane in water) แต่หากไม่มีสามารถใช้แอลกอฮอล์ หรือทิงเจอร์ไอโอดีน เพื่อฆ่าเชื้อโรคที่แผลแทนได้
- ควรกักสัตว์ที่กัดเอาไว้เพื่อดูอาการ ประมาณ 10-15 วัน ในกรณีที่สัตว์หนีหายถือว่าเป็นโรคพิษสุนัขบ้า
- หลังจากถูกกัดควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อทำการฉัดวัคซีนป้องกันบาดทะยัก ยาปฏิชีวนะ รวมทั้งยาแก้ปวด
- ในกรณีที่ถูกสัตว์จรจัดกัด แล้วสัตว์ตาย ต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า 5 เข็ม รวมถึงหากมีแผลฉกรรจ์ หรือกัดบริเวณอวัยวะสำคัญ ต้องฉีดเซรุ่มรอบแผลทุกที่
และสิ่งที่หลายคนมีความเป็นกังวลตามมาภายหลัง ก็คือค่ารักษาพยาบาลที่ค่อนข้างสูง ซึ่ง ณ ปัจจุบันหากถูกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกัด แล้วเกรงว่าอาจเป็น
โรคพิษสุนัขบ้า สามารถใช้สิทธิประกันสังคมได้ รวมถึงสามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่ตนเองเลือกโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย หรือรักษาโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด จากนั้นให้นำใบเสร็จรับเงินที่สำรองจ่าย และใบรับรองแพทย์มาเบิกคืนได้ที่สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่/จังหวัด/สาขาทุกแห่งที่สะดวก
อย่างที่ทราบกันดีว่าเมื่อเจ็บไข้ได้ป่วยแต่ละครั้ง นอกจากร่างกายอ่อนแอ เพราะ
ภูมิต้านทานต่ำแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายการพักรักษาตัวที่ค่อนข้างเยอะอีกด้วย ดังนั้น
การทำประกันสุขภาพจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาดโดยเด็ดขาด! เช็คเบี้ยประกันสุขภาพกับเราได้ที่นี่ หรือปรึกษาเรื่องประกันภัย โทร 1737 ยินดีให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
READ MORE :