อาการป่วยจนต้องตัดมดลูก ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
เรื่องสุขภาพไม่เข้าใครออกใคร บางคนภายนอกดูแข็งแรงแต่ใครจะรู้ว่าระบบภายในร่างกาย อาจจะกำลังอ่อนแออยู่ก็เป็นได้ ยิ่ง ณ เวลานี้สภาพอากาศในประเทศไทยเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ก็ส่งผลให้ร่างกายได้รับผบกระทบตามไปด้วยเช่นกัน ดังนั้นควรหมั่นดูแลสุขภาพและความสำคัญมาเป็นลำดับต้นๆ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าโรคที่เกี่ยวกับมดลูก ถือเป็นปัญหาลำดับต้นๆ ที่ผู้หญิงหลายคนต่างเป็นกังวล ซึ่งหากรักษาไม่ทันก็มีความเสี่ยงถึงขั้นตัดมดลูกเลยทีเดียว!
เพื่อป้องกันไม่ให้โชคร้ายมาเยือน พี่หมีมีข้อมูลเกี่ยวกับโรคร้ายแรงเกี่ยวกับมดลูก ที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้ามมาบอกครับ เพราะหากรักษาไม่ทัน มีความเสี่ยงต้องตัดมดลูกทิ้ง!
ภาวะที่ต้องผ่าตัดมดลูกทิ้ง มีดังนี้
- เนื้องอกบริเวณกล้ามเนื้อมดลูก
- อวัยวะในอุ้งเชิงกรานหย่อน หรือยื่นย้อย
- มีอาการเลือดออกผิดปกติจากมดลูก
- มะเร็งอวัยวะสืบพันธ์สตรีเกิดความผิดปกติ อาทิ มะเร็งปากมดลูก ตัวมดลูก หรือรังไข่
- เกิดภาวะฝีหนองในอุ้งเชิงกราน
- เกิดพังผืดในมดลูก
- เกิดอาการผิดปกติในขณะที่คลอดโดยเลือดไหลไม่หยุด
- มีเนื้องอกขนาดใหญ่บริเวณมดลูก หรือมีจำนวนมาก ส่งผลให้กล้ามเนื้อมดลูกเสียหาย
สำหรับผู้หญิงที่ผ่านการผ่าตัดมดลูก (รวมปีกมดลูก) ซึ่งจะประกอบไปด้วยรังไข่ และท่อน้ำรังไข่ ส่งผลให้ไม่มีประจำเดือน รวมถึงไม่สามารถมีบุตรได้อีกต่อไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ร่างกายยังคงมีฮอร์โมนเพศเช่นเดิม แต่ในกรณีที่ตัดรังไข่ออกไปด้วย จะส่งผลให้ไม่มีฮอร์โมนเพศอีกต่อไป
การผ่าตัดมดลูกมี 2 ประเภท ดังนี้
1. ผ้าตัดมดลูกเฉพาะตัวมดลูก
เป็นการผ่าตัดเอามดลูกที่อยู่เหนือปากมดลูกออกไป แต่ไม่ตัดปากมดลูก ซึ่งบริเวณช่องคลอดจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ และไม่มีแผลในภายหลัง เป็นวิธีการผ่าตัดที่ใช้เวลาไม่นาน และเสียเลือดไม่มาก รวมถึงมีความเสี่ยงบาดเจ็บบริเวณทางปัสสาวะน้อย ที่สำคัญคือไม่ส่งผลกระทบกับความพึงพอใจทางเพศ เนื่องจากเป็นการผ่าตัดที่ยังคงเหลือปากมดลูกเอาไว้ โดยไม่กระทบกับเส้นประสาทบริเวณปากมดลูก แต่ก็มีข้อเสียอยู่ โดยเสี่ยงเป็นมะเร็งปากมดลูก เพราะฉะนั้นควรเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกประจำปี เพื่อป้องกันไม่ให้โรคร้ายมาเยือน หรือหากตรวจพบจะได้ทำการรักษาทันท่วงที
2. ผ่าตัดมดลูกทั้งหมด
ถือเป็นการผ่าตัดมดลูกแบบถอนลากถอนโคน โดยเป็นการผ่าตัดสำหรับผู้ป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูกที่ลุกลาม ณ ปัจจุบันการเกิดเนื้องอกบริเวณมดลูกยังไม่สามารถป้องกันได้ 100% เพราะฉะนั้นควรตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ โดยผู้หญิงที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป แนะนำให้ตรวจภายใน เพื่อป้องกันการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูก หรือหากเกิดโรคไม่คาดฝันจะได้ทำการรักษาทันเวลา และอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้รอดพ้นจากโรคร้ายคือ เลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภสพ หลีกเลี่ยงการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อากาศเป็นพิษ ที่สำคัญคือใส่ใจดูแลสุขภาพของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ
นอกจากนี้การทำประกันสุขภาพก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน เพราะหากเจ็บป่วยอย่างกะทันหัน จะช่วยคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล รวมถึงค่าห้อง ค่าอาหาร และค่าพยาบาล โดยที่ TQM มี
ประกันสุขภาพสำหรับมนุษย์เงินเดือน ที่ให้การคุ้มครองสูงสุดถึง 400,000 บาท พิเศษสำหรับ
ผู้ที่มีบัตรกรุงศรี ผ่อน 0% และรับเงินคืน 100 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 1737 ตลอด 24 ชั่วโมง
READ MORE :