อายุ 30 ระวัง โรควัยทองก่อนวัยอันควร

โรควัยทองก่อนวัยอันควร ร้ายแรงแค่ไหน

 

     สาวๆ ในช่วงวัยอายุ 30 กว่า ๆ หลายคนกำลังประสบปัญหา ประจำเดือนเริ่มหาย แถมยังมีอาการคล้าย ๆ คนวัยทอง โดยปกติแล้วภาวะวัยทองจะเกิดในผู้หญิงอายุ 50 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ฮอร์โมนเพศอย่างเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน หยุดการผลิต ทำให้ประจำเดือนไม่มา สาวๆหลายคนอาจสงสัยว่า โรควัยทองก่อนวัยอันควร คืออะไร และร้ายแรงแค่ไหน วันนี้พี่หมี TQM มีคำตอบมาฝากครับ

     วัยทอง คือภาวะที่ฮอร์โมนเพศอย่างเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ลดระดับลงและหยุดผลิต ส่งผลทำให้ไข่ไม่ตก และ ไม่ผลิตประจำเดือนออกมานั่นเอง โดยปกติแล้วภาวะวัยทองจะเกิดกับผู้หญิงอายุ 50 ปีขึ้นไป แต่ภาวะวัยทองก็สามารถเกิดกับผู้หญิงอายุต่ำกว่า 50 ปีได้เหมือนกัน ซึ่งลักษณะอาการก็จะคล้ายกับวัยทองปกติ เพียงแต่เกิดขึ้นก่อนวัยที่จะเป็นนั่นเอง

 

1. ความผิดปกติของระบบฮอร์โมนในร่างกาย

2. กรรมพันธ์ุ

3. การพักผ่อนไม่เพียงพอ 

4. ป่วยโรคต่างๆ เช่น โรคไทรอยด์ โรค SLEโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง เป็นต้น

5. เคยผ่าตัดมดลูก ผ่าตัดรังไข่มาก่อน

1. ประจำเดือนผิดปกติ

     ประจำเดือนมาผิดปกติ เดี๋ยวมาบ้าง เดี๋ยวไม่มาบ้าง  แสดงให้เห็นว่าคุณมีฮอร์โมนที่น้อยเกินไปหรือมากเกินไป  แต่ถ้าอายุยังไม่ถึงแต่ฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปรเจสโตรโรน ลดลงอาจมีลักษณะของฮอร์โมนเพศชายสูง ทำให้มีขนดก ปวดศีรษะ หรือมีสิวมากกว่าผู้หญิงโดยทั่วไป ซึ่งควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที

2. นอนไม่หลับ และ เหนื่อยง่าย

     ฮอร์โมนโปรเจสโตรโรนเป็นฮอร์โมนที่ผลิตออกมาจากรังไข่ มีส่วนช่วยให้เรานอนหลับสบาย แต่เมื่อใดก็ตามที่ฮอร์โมนลดต่ำลง หรือหยุดผลิต คุณจะรู้สึกไม่สบายตัว วูบวาบ ส่งผลให้ยากต่อการนอนหลับ จึงทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย ไม่สดชื่น สดใส และเหนื่อยง่าย

3. หงุดหงิด อารมณ์แปรปรวน

     คนวัยทองก่อนวัยอันควร จะมีอารมณ์แปรปรวน ขี้เหวี่ยงได้ง่าย หงุดหงิดง่าย หรือรู้สึกหดหู่ เศร้าแบบไม่มีเหตุผล

4. ขี้หลง ขี้ลืม

     ฮอร์โมนเอสโตรเจน มีความสัมพันธ์กับการควบคุมในสมอง ซึ่งมีผลกระทบต่อสมาธิและระบบความจำ หากร่างกายหยุดการผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจน อาจทำให้หลงๆ ลืมๆ ได้

5. ความต้องการทางเพศลดลง

     เมื่อฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนอยู่ในระดับต่ำ จะทำให้คุณมีความสนใจหรือมีความต้องการทางเพศลดน้อยลง

6. ช่องคลอดแห้ง

     เมื่ือฮอร์โมนเอสโตรเจนลดต่ำลง หรือหยุดการผลิต จะทำให้ร่างกายผลิตน้ำหล่อลื่นน้อยลง บางรายจะมีอาการช่องคลอดแห้ง

7. น้ำหนักเพิ่มขึ้น อ้วนง่าย

     ฮอร์โมนเอสโตรเจนลดน้อยลง คุณจะรู้สึกอยากอาหารมากขึ้น ทำให้ทานมากขึ้น จนทำให้อ้วนน้ำหนักตัวขึ้นอย่างโดยไว

 

1. หากอารมณ์แปรปรวน ควรพักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ

2. รับประทานอาหาร ที่มีประโยชน์ และทานให้ครบ 5 หมู่

3. ทำจิตใจให้สงบ แจ่มใส พยายามไม่เครียดมากเกินไป

4. การให้ฮอร์โมนทดแทน เพื่อลดและบรรเทาอาการจากการหมดประจำเดือน โดยมีหลักดังนี้

- การให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนร่วมกับโปรเจสโตเจน ใช้สำหรับผู้ที่ยังมีมดลูกอยู่ตามปกติ

- การให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนเพียงอย่างเดียว ใช้กับผู้ที่เคยผ่าตัดเอามดลูกออกไปแล้ว

5. งดบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

6. หมั่นตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี

 

     อย่างไรก็ตามสาวๆหลายคนอย่างเพิ่งกังวลไป ควรหมั่นตรวจเช็คสุขภาพร่างกายของเราอย่างสม่ำเสมอเพื่อดูว่ามีความผิดปกติตรงไหน จะได้รีบหาแนวทางในการรักษา หากมีอาการที่ผิดปกติควรรีบพบแพทย์ทันที ทางที่ดีควรมี ประกันสุขภาพ ไว้ค่อยช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล ไม่ให้กระทบเงินก้อน คุ้มครองสูงสุด 400,000 บาท แถมนำไปลดหย่อนภาษีได้ด้วย สนใจคลิก ประกันสุขภาพมนุษย์เงินเดือน หรือโทรปรึกษาพี่หมีที่ 1737 ตลอด 24ชั่วโมง