เห็นหวานๆ แบบนี้ แต่มันร้ายนะคะ

เมื่อรู้สึกเหนื่อยๆ เพลียๆ ก็อดไม่ได้ที่จะอยากกินอะไรหวานๆ เติมน้ำตาลในเส้นเลือดให้กระปรี้กระเปร่า แต่หากกินหวานมากไปก็จะกลายเป็นโทษ ส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว โดยเฉพาะกับเหล่าพนักงานออฟฟิศที่มักนั่งค้างอยู่เก้าอี้นานๆ ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย

ถ้าไม่เชื่อ...มาดูอันตรายจากความหวานและน้ำตาลต่อสุขภาพกันเลย

1. โรคอ้วนและลงพุงถามหา เพราะน้ำตาลจะเปลี่ยนเป็นพลังงานและถูกเก็บไว้ในร่างกายในรูปของไขมัน ยิ่งกินหวานมากก็ยิ่งสะสมเป็นไขมันใต้ชั้นผิวหนังมากขึ้น

2. ริ้วรอยตามมา หน้าไม่เด้ง เชื่อว่าข้อนี้สาวๆ ต้องกรีดร้อง เพราะได้เวลาลด ละ เลิกขนมหวานเบเกอรี่ ไม่เช่นนั้นน้ำตาลจะไปจับตัวและทำลายคอลลาเจนที่ทำให้ผิวใสยืดหยุ่น เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควรเร็วขึ้น ทั้งยังลดปริมาณโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนการเจริญเติบโต หรือฮอร์โมนความเป็นหนุ่มสาว ผิวจึงแห้ง เหี่ยวย่น และยังเสี่ยงเป็นโรคอ้วน

3. ฟันผุ เหงือกอักเสบ แบคทีเรียในปากจะเปลี่ยนน้ำตาลเป็นกรด ซึ่งกัดกร่อนเคลือบฟัน เพราะฉะนั้นกินหวานแล้วควรแปรงฟันเป็นประจำ

4. ป่วยง่าย แร่ธาตุในร่างกายไม่สมดุล ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันต่ำลงจึงติดเชื้อง่าย ร่างกายอ่อนแอ และการกินหวานมากทำให้เลือดมีปริมาณแคลเซียมสูง แต่ฟอสฟอรัสลดลง สะสมจนตกตะกอนเสี่ยงเกิดนิ่วในไต

5. เป็นตัวเร่งให้เกิดสารพัดโรค เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และมะเร็ง เป็นต้น สาเหตุที่คนติดหวานมากมักมีโอกาสเป็นโรคดังกล่าวมากกว่าปกติ เพราะตับอ่อนที่ผลิตอินซูลิน (สารลดปริมาณน้ำตาลในเลือด) เสื่อมสภาพจากน้ำตาล หากอินซูลินในร่างกายน้อยทั้งที่กินหวานมาก มีน้ำตาลในเลือดสูง จะทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เบื่อหน่าย ซึมเซา หน้ามืดเป็นลม อารมณ์แปรปรวน นอนไม่หลับ ปวดตามข้อต่างๆ เสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคเก๊าท์ นอกจากนี้การที่ร่างกายต้องเผาผลาญน้ำตาลบ่อยครั้งเป็นการเร่งให้เกิดอนุมูลอิสระ เพิ่มโอกาสการเป็นโรคหัวใจและมะเร็ง

รู้ความน่ากลัวของความหวานที่น่ากินแบบนี้แล้ว ควรหันมาลดละปริมาณการบริโภคน้ำตาลต่อวันให้อยู่ในปริมาณที่องค์กรอนามัยโลกแนะนำกันดีกว่า ต่อไปนี้จำไว้ “หวานวันละนิด กินเพียง 6 ช้อนชา” และกินอาหารให้หลากหลาย อร่อยครบทุกหมู่ พร้อมหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ...น้ำตาลหรือจะสู้สุขภาพที่ดี 

อ่านบทความของ ทีคิวเอ็ม เกี่ยวกับ สุขกายสบายใจ ทั้งหมด