ซื้อของฝากจากต่างประเทศ

ของฝากจากต่างประเทศที่คนส่วนใหญ่นิยมหิ้วกลับมา

 

     สำหรับใครที่กำลังมีแพลนไปเที่ยวต่างประเทศ นอกจากการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสภาพอากาศในช่วยเดือนที่จะไป รวมถึงการเดินทาง และจองโรงแรมที่พักแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือการลิสต์รายการของฝากในแต่ละประเทศที่นิยมซื้อกลับมามากที่สุด เพื่อจะได้ถูกใจผู้รับ และสร้างความพึงพอใจแก่ผู้ให้ที่ไม่เสียแรงไปเดินเลือกซื้อด้วยตัวเอง ทั้งนี้ทั้งนั้น ก่อนตัดสินใจซื้อของฝากให้แก่ครอบครัว รวมถึงญาติสนิท และมิตรสหาย ควรคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้

 

- เลือกซื้อของฝากที่เหมาะกับช่วงอายุ และเหมาะกับไลฟ์สไตล์ความชอบของแต่ละคน

- เลือกของขึ้นชื่อ หรือของที่เป็นเอกลักษณ์ถ้องถิ่นในแต่ละประเภท ที่ไม่สามารถหาซื้อได้ในประเทศไทย

- เลือกของฝากที่ฉลากบอกรายละเอียดอย่างชัดเจน

- เลือกของฝากที่สามารถเก็บไว้ได้นาน ไม่หมดอายุก่อนวันเดินทางกลับ

- เลือกของฝากประเภทแฮนด์เมดที่มีขายที่ประเทศนั้นๆ เพียงที่เดียว

- เลือกของฝากที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศนั้นๆ

- เลือกซื้อของฝากที่ผลิตในประเทศนี้เท่านั้น

 

สำหรับใครที่คิดไม่ออกว่าไปต่างประเทศควรซื้ออะไรมาเป็นของฝากดี ? พี่หมีมี 20 อันดับของฝากยอดฮิต ที่ถูกใจผู้รับมาแชร์ครับ

 

1. อาหาร เครื่องดื่ม และขนมขบเคี้ยว

2. ผลิตภัณฑ์ความงาม

3. น้ำหอม

4. เสื้อผ้า กระเป๋า และรองเท้า

5. ตุ๊กตามาสคอต หรือ ตุ๊กตาที่เป็นคาแรคเตอร์การ์ตูนดัง

6. ของที่ระลึกที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศนั้นๆ

7. เครื่องราง

8. เครื่องดื่มบำรุงสุขภาพ

9. ของยอดนิยมประจำท้องถิ่น

10. โปสการ์ดภาพวิวทิวทัศน์

11. พวงกุญแจ หรือของตั้งโชว์ ที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศนั้นๆ

12. ของใช้กระจุกกระจิก ที่มีดีเทลน่ารัก อาทิ เครื่องเขียน, กระเป๋าใส่เครื่องสำอาง, พวงกุญแจ, กล่องใส่ของจิปาถะ ฯลฯ

13. ของตกแต่งบ้านที่มีดีไซน์เก๋ๆ

14. สินค้าที่ระลึกจากสวนสนุก หรือแห่ลงท่องเที่ยวยอดนิยม

15. เสื้อทีมฟุตบอลลิขสิทธิ์แท้

16. เสื้อยืดที่มีลวดลายเป็นเอกลักษณ์ของประเทศนั้นๆ

17. แก้วน้ำที่มีลวดลายขายที่ประเทศนี้เท่านั้น

18. นาฬิกา

19. อุปกรณ์ทำผม

20. เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดพกพา

 

 

     แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก่อนซื้อของฝากควรศึกษาหาข้อมูลให้ดีเสียก่อน มิเช่นนั้นอาจโดนเก็บภาษี! โดยพี่หมีมีข้อควรรู้เกี่ยวกับ ข้อปฏิบัติ สำหรับการช้อปปิ้งซื้อของใช้ส่วนตัว และการซื้อของฝากแล้วหิ้วกลับไทย  จากไทยรัฐมาแชร์ครับ

 

- สินค้านำเข้าที่ไม่ต้องเสียภาษีต้องเป็นสินค้าที่ซื้อใช้เอง และมีไม่มากกว่าา 1 ชิ้น ส่วนของฝากถือเป็นสินค้าที่ต้องเสียภาษี

-  สินค้าประเภทขนมมักปลอดภัยที่สุด

 

นอกจากนี้ก่อนนำของเข้าประเทศต้องผ่านช่องตรวจเขียว-แดง เสียก่อน โดยเป็น 2 ช่อง ได้แก่

1. ช่องตรวจเขียว (Nothing to Declare) คือช่องไม่มีของต้องสำแดง โดยไม่มีของที่ต้องเสียภาษี อาทิ ของทั้งหมดที่มีมูลค่าไม่เกิน 20,000 บาท, ของใช้ในวิชาชีพจากร้านปลอดอากร ราคาไม่เกิน 20,000 บาท, ของใช้ในบ้านจากร้านค้าปลอดอากร ราคาไม่เกิน 50,000 บาท, บุหรี่ไม่เกิน 200 มวน และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ไม่เกิน 1 ลิตร

 

2. ช่องตรวจแดง (Goods to Declare) คือช่องที่ต้องสำแดงสิ่งของ อาทิ สารเสพติด, สื่อลามก ของเลียนแบบเครื่องหมายการค้า,ของละเมิดลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญา, ธนบัตร, เหรียญกษาปณ์ปลอม, สัตว์ป่าสงวน อีกทั้งหากเป็นของที่ต้องควบคุมการนำเข้าและส่งออกนอกราชอาณาจักร ต้องได้รับหนังสืออนุญาตจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง หรือที่ไม่แน่ใจว่าต้องเสียภาษีหรือไม่ รวมถึงหากมีของนำเข้าปริมาณมาก รวมมูลค่าเกิน 20,000 บาท ก็ถือเป็นสิ่งของที่ต้องสำแดงเช่นกัน

 

     เพื่อการเดินทางที่ราบรื่นนอกจากการเตรียมพร้อม ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ การเดินทาง รวมถึงจองโรงแรมที่พักแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรละเลยคือการทำประกันการเดินทาง เพื่อคุ้มครองในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ในระหว่างที่อยู่ต่างประเทศ โดยที่ TQM มีประกันการเดินทางจากกรุงเทพประกันภัย ที่พร้อมให้การคุ้มครองตลอดทริป

- ประกันการเดินทางแบบรายเดี่ยว เบี้ยประกัน 500 บาทขึ้นไป รับฟรี! คูปองสตาร์บัคส์ 100 บาท

- ประกันการเดินทางแบบรายเดี่ยว เบี้ยประกัน 1,000 บาทขึ้นไป รับฟรี! รับคูปองสตาร์บัคส์ 200 บาท

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 1737 ตลอด 24 ชั่วโมง พี่หมีรับประกันได้เลยครับว่า ทำประกันที่ TQM พร้อมให้การคุ้มครองอย่างครอบคลุมแน่นอน

 

READ MORE : 

 

►  ประกันการเดินทางเริ่มคุ้มครองเมื่อไหร่

►  4 สาเหตุที่ทำให้เจ็บป่วยในต่างแดน

►  งบไม่เกิน 20,000 เที่ยวประเทศไหนได้บ้าง