รถเสียเกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง
การมีรถยนต์ไม่ใช่แค่ขับอย่างเดียวแต่ต้องคอยดูแล ตรวจสอบสภาพอยู่ตลอดเวลา เพราะถ้ารถเสียขึ้นมาเมื่อไหร่ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแพงยิ่งกว่าค่าดูแลรักษาหลายเท่า ยิ่งไปกว่านั้นหากเกิดอาการ รถเสีย กลางทาง, รถเสีย บนทางด่วน ยิ่งเป็นเรื่องวุ่นวายเข้าไปอีก อย่างไรก็ตามของเหล่านี้มันห้ามกันไม่ได้ บางทีคิดว่าตนเองดูแลรถอย่างดีแต่ก็ยังเกิดขึ้น ดังนั้นหากคุณเป็นคนหนึ่งที่เจอกับสถานการณ์แบบนี้ การมีสติถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเพื่อช่วยให้ผ่านพ้นจากวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้น
รถเสีย สตาร์ทไม่ติด ปัญหาที่พบบ่อยเกิดขึ้นได้จากอะไรบ้าง
ปัญหาแรก ๆ ที่มักเกิดขึ้นกับรถคือ รถเสีย สตาร์ทไม่ติด ซึ่งมีด้วยกันหลายสาเหตุ ลองมาดูว่าเกิดจากอะไรได้บ้าง
1. ปัญหาจากแบตเตอรี่
แบตเตอรี่รถยนต์ถือเป็นปัญหาแรก ๆ ที่ทำให้รถเสีย สตาร์ทไม่ติด ปกติอายุการใช้งานจะอยู่ราว ๆ 2-3 ปี ขึ้นอยู่กับความถี่ในการใช้รถ แต่ถ้าเปลี่ยนมาได้ปีกว่า ๆ แล้วอยู่ดี ๆ รถสตาร์ทไม่ติดอาจเป็นไปได้ว่าแบตฯ เสื่อม โดยอาการรถเสียแบบนี้มักเกิดขึ้นในตอนเช้าที่พักรถเอาไว้นาน ๆ แล้วมาสตาร์ทใหม่ วิธีแก้เบื้องต้นคือให้พ่วงสายชาร์จเอาแบตฯ จากรถคันอื่นมาก่อนจากนั้นค่อยนำรถไปเช็คอีกที
2. ปัญหาจากระบบไฟฟ้า
เป็นปัญหาคล้าย ๆ กับแบตฯ มีปัญหา คือ ระบบไฟฟ้าภายในรถทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้ไม่มีแรงมากพอในการสตาร์ทรถ สังเกตง่าย ๆ เช่น ไฟหน้าปัดไมล์รถแสงมืดกว่าปกติ, จอภาพ จอวิทยุ ไฟไม่สม่ำเสมอ หากพ่วงแบตฯ แล้วก็ยังไม่หายแนะนำเข้าศูนย์ตรวจสอบเลย
3. ปัญหาจากไดชาร์จ
อาการจะทรงเดียวกับแบตฯ เสื่อม แต่ยังสตาร์ทได้บ้างในบางครั้ง ทว่ารถจะดับทันทีเมื่อเดินรอบต่ำ อาการนี้อาจยังไม่ชัดเจน ถ้าสมมุติว่ารถเสีย สตาร์ทไม่ติด แล้วลองพ่วงแบตฯ ดู พอสตาร์ทสักพักแล้วถอดขั้วข้างหนึ่งออกแล้วรถดับหรือกระตุก แสดงว่ามีปัญหาที่ไดชาร์จแน่ ๆ
4. ปัญหาจากไดสตาร์ท
เมื่อสตาร์ทไม่ติดแล้วลองเปลี่ยนแบตฯ ลูกใหม่ ปรากฏก็ยังสตาร์ทไม่ติดอีก หรือสตาร์ทแล้วมีเสียงแชะ ๆ แสดงว่าไม่ได้เป็นที่แบตฯ แต่น่าจะเกิดจากไดสตาร์ทมีปัญหา สาเหตุที่ไดสตาร์ทมีปัญหานั้นเกิดได้หลายกรณี เช่น สายไฟหลุด, ฟิวส์ขาด, แปรงถ่านหมด
นอกจากทั้ง 4 อาการที่กล่าวมาแล้ว อีกสาเหตุที่ทำให้รถเสีย หรือรถสตาร์ทไม่ติดได้อาจมาจากน้ำมันหมด ถึงแม้จะเป็นไปได้ยากแต่ถ้ารถรุ่นเก่า ๆ ที่เกจ์น้ำมันเสีย เกจ์น้ำมันไม่ดี โอกาสเกิดก็เป็นไปได้เหมือนกัน
เกิดปัญหารถเสีย กลางทาง ทำอย่างไรดี
แม้จะรู้ถึงสาเหตุที่ทำให้รถเสีย สตาร์ทไม่ติด แต่ทั้งนี้หากอยู่ดี ๆ ในขณะที่กำลังขับรถไปแล้วเกิดรถดับ รถเสีย กลางทางขึ้นมา หลายคนคงตกใจและทำตัวไม่ถูกกันพอสมควร อย่างที่บอกว่าทุกอย่างล้วนต้องมีสติทั้งสิ้น ปัญหารถเสียเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ ขับ ๆ อยู่ถ้ารถดับไปหรือมีอาการแปลก ๆ แล้วตนเองไม่ได้เป็นช่าง ไม่มีความรู้ด้านนี้ ก็มีวิธีแก้ปัญหา ไม่ได้ยากอย่างที่คิด
1. หากรถยังพอเคลื่อนตัวได้ ให้ขยับรถเข้าไปไว้ข้างทางก่อน เปิดไฟฉุกเฉินเพื่อให้รถที่มาด้านหลังมองเห็นสัญญาณไฟ ลดการเกิดอุบัติเหตุ
2. หากมีเบอร์ช่างหรือเบอร์รถลากให้โทรตามเพื่อช่วยลากรถไปยังอู่หรือศูนย์ซ่อมที่ตนเองต้องการ
3. แต่ถ้าหากตกใจ ทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะโทรหาใคร เบอร์อะไรก็ไม่มี แนะนำว่าให้ลองโทรหาประกันรถยนต์ที่คุณซื้อเอาไว้ เพราะประกันเหล่านี้จะพร้อมช่วยเหลือ เช่น แจ้งเบอร์ รถลากที่อยู่บริเวณใกล้เคียง หรือประกันบางบริษัทมีความคุ้มครองกรณีรถเสีย กลางทาง เขาก็จะประสานงานให้คนเข้ามาช่วยเหลือได้
อีกปัญหาที่เกิดขึ้นได้นอกจากเสียกลางทางแล้ว การที่รถเสีย บนทางด่วน ก็เชื่อว่าเป็นอีกประสบการณ์ที่หลายคนพบเจอ ซึ่งมันไม่ค่อยน่าพิสมัยเท่าไหร่นัก แต่ทั้งนี้สติก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องมาก่อนเสมอ หากรถดับแบบเคลื่อนไปไหนไม่ได้เลยให้เปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินไว้ให้รถคันหลังเห็น แต่ถ้ารถยังพอเคลื่อนได้ก็หลบไปข้างทางแล้วทำตามแบบที่ได้อธิบายไว้ด้านบน
รถเสีย โทรไปไหนดี
อย่างที่กล่าวเอาไว้ว่าสิ่งแรกที่ควรทำคือ เมื่อรถเสีย โทรไปยังอู่รถยนต์หรือบริการรถลาก แต่ถ้าหากไม่แน่ใจ หรืออยู่ในพื้นที่ไม่คุ้นชิน หากรถเสีย โทรหา
บริษัทประกันก่อนก็ได้ แล้วเจ้าหน้าที่จะคอยช่วยเหลือเพื่อให้คุณสบายใจขึ้น ดังนั้นหากเป็นไปได้การเลือกซื้อประกันที่พร้อมให้ความดูแลตลอด 24 ชม. จึงเป็นสิ่งที่ห้ามมองข้ามเด็ดขาด ประกันรถยนต์ทุกวันนี้มีหลายบริษัท หลายแพ็กเกจ แต่ถ้าคนที่รู้สึกว่าตนเองไม่ได้เก่งเรื่องช่างยนต์อะไร กลัวว่าหากมีปัญหารถเสีย ไม่รู้จะให้ใครช่วย เลือกทำ
ประกันรถยนต์ แบบนี้ไว้อุ่นใจกว่าหลายเท่าตัว
ทุกปัญหาที่เกี่ยวช้องกับรถหรือปัญหาทั่ว ๆ ไปก็ตาม หากมีสติยังไงก็ช่วยแก้ไขให้สิ่งเหล่านั้นดีขึ้นได้อย่างแน่นอน อย่าตกใจหรือเสียขวัญมากจนเกินไป เพราะแค่รถเสีย ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต