เคยไหม..ทำงานจนไม่มีเวลาไปหาหมอ
ในชีวิตมนุษย์ออฟฟิศ หากไม่ได้มีบัตรประกันสุขภาพแบบกลุ่มที่บริษัททำให้ เวลาป่วยไข้ทีก็ไม่อยากจะไปโรงพยาบาล ขอนอนพักนิดหน่อยแล้วค่อยลุยกันต่อ เพราะบางคนกลัวการต่อคิวนาน ๆ กลัวการพูดคุยกับหมอ รวมไปถึงคิดว่าอาการที่เป็นอยู่ไม่หนัก ไม่ร้ายแรง ถ้าปีนี้คุณรู้สึกว่าป่วยบ่อยเป็นพิเศษด้วยโรคเดิม ๆ อย่าลืมไปตรวจเช็คสภาพร่างกายว่ากำลังเป็น
Office Syndrome ยอดฮิตเหล่านี้หรือเปล่า?
5 อาการที่ต้องเช็คตัวเอง มนุษย์เงินเดือนหาหมอครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่กันนะ?
1) กรดไหลย้อน ปวดท้อง กระเพาะอาหาร
สาเหตุที่ทำให้ชาวออฟฟิศมีอาการปวดท้องบ่อย และเป็นกรดไหลย้อนกันมากก็คือ การรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา และความเครียด ซึ่งทำให้ร่างกายของคุณไม่รู้สึก Relax เมื่อเกิดภาวะอาหารไม่ย่อย มันจะสวนขึ้นมาที่หลอดอาหารเป็นบางครั้ง และบวกกับรับประทานแต่ ชา กาแฟ และขนมปังเพื่อรองท้อง ตัวคาเฟอีนนี้กระตุ้นให้กระเพาะผลิตกรดเพิ่มกว่าปกติอยู่แล้ว ควรลดปริมาณกาแฟ ไม่กินติดกัน 3 เวลาหลังอาหาร และความเครียดก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คุณไม่อยากรับประทานอาหาร หรืออยากกินอาหารแบบหยุดไม่อยู่ ซึ่งหากคุณมีอาการ ปวดท้องเพราะเป็นโรคกระเพาะอาหารบ่อย ๆ อาจจะทำให้กระเพาะอักเสบเป็นแผล ผิวกระเพาะบางจนน้ำย่อยกัดกระเพาะทะลุได้
2) ปวดหัว
อาการปวดหัว เริ่มต้นตั้งแต่นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ ปวดหัวเพราะความเครียด และปวดหัวไมเกรน อาการปวดหัวนั้นเกี่ยวข้องกับการจ้องคอมพิวเตอร์นาน ๆ และอยู่กับแสงที่ไม่เหมาะสม ควรเดินไปผ่อนคลายหาพื้นที่สีเขียว สูดอากาศ และคิดอะไรสบาย ๆ บ้าง ความเครียดนั้นเป็นสาเหตุที่กระตุ้นให้ปวดหัวถี่เป็นพิเศษ ซึ่งหากปล่อยไว้นาน ๆ จนเรื้อรัง มีผลต่อการคิดตัดสินใจ และทำให้สารเคมีในสมองไม่สมดุลย์กัน ทำให้อารมณ์ของคุณเปลี่ยนแปลง ในอนาคตอาจร้ายแรงถึงขั้นที่ต้องรับประทานยาตลอด และหากไม่ดูแลตัวเอง มีโอกาสเส้นเลือดในสมองแตกได้
3) ปวดหลัง
หากคุณมีอาการปวดหลังติดต่อกัน อาจจะมาจากการนั่งโต๊ะทำงานที่ความสูงและระยะวางแขนไม่พอดีกับร่างกาย นั่งเก้าอี้ก็ต้องปรับระดับให้พอดี การก้ม ๆ เงย ๆ หรือค้างอยู่ในท่าใดท่าหนึ่งนาน ๆ มีผลทำให้กล้ามเนื้อเกร็ง อีกสาเหตุหนึ่งอาการปวดหลังอาจมาจากการยกของหนัก หากงานของคุณต้องยกของหนักเป็นประจำ ควรหาเครื่องทุ่นแรง และปรับเปลี่ยนรูปแบบงานเมื่อมีโอกาส อาการปวดหลังที่ไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง มีโอกาสเป็นโรคที่ร้ายแรงขึ้น อย่างเช่น กระดูกสันหลังทับเส้นประสาท เป็นต้น
4) นิ้วล็อค
หากคุณต้องทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ และงานที่ต้องใช้การพิมพ์ และปั๊มตรายางตลอดทั้งวัน มี
โอกาสเป็นนิ้วล็อคสูง เนื่องจากกล้ามเนื้อนิ้วมีเส้นเอ็นและข้อต่อหลายชุด การทำงานที่ไม่สัมพันธ์กันอาจทำให้เส้นเอ็นอักเสบและตีบแคบ ให้เอ็นติดขัดเคลื่อนไหวไม่ปกติ ต้องไปให้คุณหมอดามกัน บางท่านมีอาการหนักเป็นเอ็นนิ้วอักเสบ ต้องเข้าเฝือก ใช้งานไม่ได้หลายวันเลยทีเดียว แต่ไม่รวมถึงอาการชาปลายนิ้ว ซึ่งอาจมีสาเหตุจากกล้ามเนื้อหัวใจและระบบการเชื่อมโยงของประสาทที่คุณต้องสังเกตตัวเองหากมีอาการชาปลายนิ้วต้องรีบให้คุณหมอเช็คร่างกายโดยเร็วที่สุด
5) กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
การกลั้นปัสสาวะบ่อย ๆ ทำให้การกลั้นปัสสาวะของสาว ๆ นั้นผิดปกติ (
ผู้หญิงเป็นบ่อยกว่าผู้ชาย) และ
อาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบหากเป็นบ่อย ต้องเข้ารับการรักษาด้วยการตรวจอัลตร้าซาวน์หน้าท้องเพื่อส่องดูการอักเสบภายใน โดยเริ่มต้นคุณหมอจะตรวจจากผลเลือด และให้ยาฆ่าเชื้อเมื่อพบการติดเชื้อ แต่หากเป็นติดต่อกันปีละหลายครั้งไม่หายสักที อาจทำให้มีนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ และปัสสาวะเป็นเลือดได้ วิธีการป้องกันคือต้องดื่มน้ำมาก ๆ และรักษาสุขอนามัยบริเวณอวัยวะของสาว ๆ ด้วยการเช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลังเสมอ และไม่สวนล้างด้วยยาฆ่าเชื้อ ซึ่งอนาคตหากเป็นวัยหมดประจำเดือน ก็จะส่งผลให้ติดเชื้อได้บ่อยมากขึ้นอีกด้วย
อย่างไรก็ดี โรคต่าง ๆ ที่กล่าวมานี้สามารถป้องกันได้ด้วยการตรวจสุขภาพประจำปีทุกปี และหากคุณพบว่าร่างกายของคุณมีอาการผิดปกติ รักษาตอนอาการเพิ่งเริ่ม ดีกว่าเจอตอนอาการบานปลายเข้าไปแล้ว (เช็คสิทธิ์รักษาพยาบาลของตัวเอง ทั้งบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า, ประกันสังคม, ประกันกลุ่ม และประกันสุขภาพเพิ่มเติม) ที่สำคัญคือต้องหมั่นออกกำลังกาย เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายซ่อมแซมส่วนที่ผิดปกติด้วยตัวเองก่อน ดีกว่าต้องกินยาไปตลอดชีวิตนะครับ
ที่มา
1) โรคออฟฟิศซินโดรม (Office syndrome) : http://www.siphhospital.com/th/news/article/share/696/Officesyndrome
2) โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ : https://www.bumrungrad.com/th/conditions/uti-urinary-tract-infection
3) นิ้วล็อคอาการที่พบบ่อย รักษาหายขาดได้ : https://www.bumrungrad.com/th/health-blog/december-2018/orthopedic-surgery-trigger-finger
READ MORE :