ก่อนหน้านี้พี่หมีเคยบอก
วิธีการขับรถลุยน้ำท่วมกันไม่ให้เครื่องดับกันไปแล้ว แต่เอ๋ ทำไมรถบางคันขับลุยน้ำยังไม่ถึงไหน ทำไมเครื่องยนต์ยังดับกลางทาง สาเหตุเกิดจากอะไร และสร้างความเสียหายให้กับรถยนต์แค่ไหน วันนี้พี่หมี
TQM จะพาไปหาคำตอบกันครับ
สาเหตุเครื่องยนต์รถดับเมื่อขับลุยน้ำท่วม
ขับรถมาหลายปี ต้องมาเสียทีให้กับน้ำท่วม! เชื่อว่าก่อนขับรถลุยน้ำท่วม หลายคนมักคิดว่าประเมินระดับน้ำข้างหน้ามาดีแล้วจึงตัดสินใจขับรถลุยน้ำท่วมต่อไปไม่รอน้ำลด แต่ที่ไหนได้เครื่องยนต์ไปไม่ไหว รถดับอยู่กลางน้ำ ซึ่งถ้าพูดถึงสาเหตุที่ทำให้เครื่องยนต์ดับเมื่อขับลุยน้ำ มีอยู่ 2 เรื่องด้วยกันก็คือ
1. ระบบไฟฟ้าช็อตเนื่องจากรถเปียกน้ำ กล่องควบคุมระบบไฟฟ้าหรือ ECU (Electronic Control Unit) ซึ่งเป็นตัวควบคุมการสั่งจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงเกิดความเสียหายหรือเกดการลัดวงจรจนเครื่องยนต์ดับลงและไม่สามารถทำงานต่อได้
2. การจุดระเบิดของเครื่องยนต์เสียหาย หรือมีน้ำเข้าไปในระบบกรองอากาศ (ท่อไอดีของเครื่องยนต์) และเข้าไปยังห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ ส่งผลให้หัวฉีดเชื่อเพลิงได้รับความเสียหาย หรือมีน้ำเข้าไปยังช่องก้านวัดระดับน้ำมันหล่อลื่น เป็นผลทำให้เครื่องยนต์ดับได้เช่นกัน
รถยนต์แช่กลางน้ำนานๆ จะเสียหายแค่ไหน
เพราะรถไม่ใช่เรือ แน่นอนว่าเมื่อรถถูกจมน้ำเป็นเวลานานจะเกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะรถที่มีน้ำเข้าไปในระบบกรองอากาศ ส่งผลถึงการทำงานของเครื่องยนต์ที่ต้องอาศัยการแรงดันอากาศ ยิ่งขับรถเครื่องร้อนๆ แล้วลุยน้ำท่วมจนมีน้ำเข้าไปในเครื่องกรองอากาศจะทำให้เครื่องน๊อกและหยุดทำงานทันที เมื่อน้ำลดแล้วหรือสามรถเคลื่อนย้ายไปยังศูนย์หรืออู่ซ่อม จำเป็นต้องผ่าเครื่องล้างเพื่อเอาน้ำออก
และนอกจากเครื่องกรอกอากาศจะเสียหายแล้ว ยังมีระบบและอะไหล่อื่นๆ ของรถยนต์ที่เสียหายไม่น้อย เช่น ระบบเบรกก ระบบเพลา ระบบลูกหมาก ระบบเกียร์ สายพาน ลูกยาง และหัวเทียน รวมถึงระบบไฟฟ้าทั้งหมด โดยเฉพาะรถรุ่นใหม่ที่อาศัยกล่องควบคุมระบบไฟฟ้า ECU ในการทำงานควบคุมการจ่ายเชื้อเพลิง หรือถ้าพูดกันง่ายๆ คือซ่อมยกคัน หรือบางคันเปลี่ยนรถใหม่ยังง่ายกว่า
วิธีแก้ไขเบื้องต้นเมื่อรถดับกลางน้ำท่วม
1. ตั้งสติ ห้ามสตาร์ทเครื่องยนต์เด็ดขาด เพราะจะยิ่งทำให้เครื่องยนต์สำลักน้ำและพัง
2. ออกจากรถเพื่อขอความช่วยเหลือเพื่อเข็นรถออกจากบริเวณน้ำไปยังบริเวณที่แห้ง หรือกรณีฉุกเฉินไม่สามารถเคลื่อนย้ายรถเองได้ ให้รีบโทรแจ้งบริษัทประกันภัยเพื่อขอรถยก
3. เมื่อสามารถนำรถไปยังที่แห้งได้แล้ว ให้เปิดฝากระโปรงรถเพื่อเช็คสาเหตุที่ทำให้เครื่องยนต์ดับ โดยสังเกตจากหม้อกรองอากาศ เปิดฝาออกและดูแผ่นกรองว่ายังแห้งอยู่ไหม ถ้ายังแห้งอยู่แสดงว่าสาเหตุเกิดจากการลัดวงจรของระบบไฟฟ้า แต่ถ้าแผ่นกรองเปียก แน่นอนว่าเกิดจากน้ำที่เข้าไปยังระบบกรอง เมื่อทราบสาเหตุแล้ว แนะนำให้รีบนำรถเข้าอู่หรือศูนย์บริการเพื่อซ่อมโดยเร็วที่สุด
น้ำท่วมรถแบบไหนเคลมประกันได้
คำว่า น้ำท่วมรถ อาจเกิดได้จาก 2 กรณี คือ ขับรถลุยน้ำท่วม ถือว่าเป็นเหตุจงใจขับรถไปในบริเวณที่มีความเสี่ยงน้ำท่วม กับ จอดรถอยู่แล้วมีน้ำท่วม ถือเป็นอุบัติเหตุหนึ่ง ซึ่งกรณีน้ำท่วมที่ประกันรถยนต์รับเคลมคือ แบบจอดรถอยู่แล้วเพิ่งมีน้ำท่วมสูงทำให้รถเกิดความเสียหายนั่นเอง แต่ใช่ว่าประกันรถยนต์ทุกประเภทจะรับเคลม เพราะมีเพียงประกันชั้น 1 และประกันชั้น 2+ บางบริษัทเท่านั้นที่ความคุ้มครองเรื่องภัยน้ำท่วม
ประกันชั้นไหนที่คุ้มครองน้ำท่วมรถ
ประกันรถยนต์ชั้น 1 เป็นประกันที่คุ้มครองครอบคลุมสูงสุดเมื่อเทียบกับประกันชั้นอื่นๆ โดยประกันชั้น 1 ให้ความคุ้มครองค่าเสียหายต่อรถคันเอาประกันและคู่กรณี คุ้มครองเหตุที่เกิดจากรถชนรถและชนสิ่งอื่นๆ เช่น ต้นไม้ กำแพง เสาไฟ คุ้มครองกรณีรถถูกโจรกรรม (รถหาย) รวมถึงความเสียหายที่เกิดจากภัยน้ำท่วม พายุลูกเห็บ แผ่นดินไหว หรือแม้แต่ก่อการร้ายก็ตาม แล้วประกันชั้น1 ของเจ้าไหนดี คงต้องเปรียบเทียบเรื่องทุนประกันกับราคา เพื่อประเมินความคุ้มค่า ไม่ให้เราเสียเปรียบเมื่อมีการแจ้งเคลมในภายหลัง สนใจเช็คเบี้ยประกันรถยนต์
คลิกที่นี่
ประกันรถยนต์ชั้น 2+ มีเพียงบางบริษัทประกันภัยเท่านั้น ที่รับเคลมหรือคุ้มครองน้ำท่วม อย่างเช่น ประกันชั้น 2+ สุดคุ้มจากบริษัทกรุงเทพประกันภัย ที่ให้ความคุ้มครองภัยน้ำท่วม พายุ และภัยก่อการร้าย ต่อตัวรถคันเอาประกัน อีกทั้งยังส่งซ่อมศูนย์ที่มีมาตรฐาน ซ่อมห้างได้งบไม่บานปลาย พร้อมบริการผ่อน 0% กับ TQM สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติม
คลิกที่นี่
เมื่อทราบดีว่ากำลังจะเข้าสู่หน้าฝน และต้องขับรถเป็นประจำ พี่แมีแนะนำให้เช็คเส้นทางน้ำท่วมก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง เพื่อป้องกันการขับรถลุยน้ำท่วม และที่สำคัญอย่าลืมเช็คประกันของคุณว่าทำชั้นไหน หรือหมดอายุเมื่อไหร่ เพราะหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินที่ไม่ใช่เพียงแค่น้ำท่วม จะได้ขอความช่วยเหลือจากประกันได้อย่างทันถ่วงที