ไม่ว่าจะเทศกาลไหนๆ หลายคนคงเตรียมเดินทาง บ้างก็กลับบ้านเกิด บ้างก็อาศัยช่วงหยุดยาวไปเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัว เพื่อนฝูง หรือคนรัก ซึ่งหลายคนเลือกเดินทางด้วยรถยนต์ เพื่อความสะดวกสบาย แต่เมื่อนานๆ ที จะต้องขับรถทางไกลไปในสถานที่ไม่คุ้นเคย และอาจไม่มีศูนย์บริการรถยนต์หากเจอเรื่องฉุกเฉิน พี่หมีขอแนะนำให้เช็ครถยนต์ให้พร้อมก่อนออกเดินทางนะครับ วันนี้พี่หมี
TQM จึงมาพร้อม
วิธีเช็ครถยนต์ก่อนเดินทางด้วยตัวเอง และจุดตรวจสภาพรถสำหรับใครที่ไม่สะดวกเช็ครถด้วยตัวเองครับ
วิธีการเช็ครถยนต์ให้พร้อม ก่อนเดินทางไกล จะต้องเช็คจุดไหนเป็นพิเศษ พี่หมีมีคำแนะนำให้เพื่อนๆ สามารถเช็คด้วยตัวเองได้ง่าย ดังนี้
เช็ครถยนต์ก่อนเดินทางไกล
เริ่มกันที่ ภายในรถยนต์ กันก่อน
1. ระบบเบรก เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในการขับรถทางไกล ถ้าเบรกไม่ได้ขึ้นมาขณะขับจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ฉะนั้นควรสังเกต ผ้าเบรก เสียงเบรก และน้ำมันเบรก ให้อยู่ในสภาพที่ให้งานได้
วิธีเช็ค เหยียบเบรก แล้วฟังว่ามีเสียงดังผิดปกติหรือไม่ หากมีแสดงว่า ผ้าเบรกอาจมีปัญหา ควรเข้าอู่ให้ช่างดูด่วน และอย่าลืมเช็คน้ำมันเบรก ควรให้อยู่ในปริมาณที่เพียงพอ
2. แบตเตอรี่รถยนต์ มี 3 แบบ ได้แก่ แบบน้ำ แบบแห้ง และแบบกึ่งแห้ง ซึ่งมีความต่างกัน แบตเตอรี่แบบน้ำจะต้องเติมน้ำกลั่นและได้รับการดูแลเป็นประจำ ต่างจากแบตเตอรี่แบบแห้งที่ไม่ต้องดูแลมาก แต่อายุการใช้งานจะน้อยกว่าแบบน้ำ ส่วนแบตเตอรี่แบบกึ่งแห้งจะต้องเติมน้ำกลั่นปีละ 1-2 ครั้ง หากเราไม่เติมน้ำกลั่นเลยก็จะทำให้แบตเสียหาย และสตาร์ทรถไม่ติด
วิธีเช็ค เติมน้ำกลั่นให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม และเช็ควันหมดสภาพการใช้งานของแบตให้แน่ใจยังใช้งานได้อยู่
3. ระบบหล่อเย็น เราควรตรวจสอบระบบหล่อเย็นอยู่เสมอ เช็คว่ายังมีน้ำในหม้ออยู่ไหม ใช้งานได้ปกติหรือเปล่า แต่รถบางรุ่นกำหนดระยะเวลาไว้ให้เติมน้ำยาหล่อเย็นทุกๆ 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร และรถบางรุ่นกำหนดไว้ที่ 100,000-200,000 กิโลเมตร หากรถมีการเช็คตามระยะอยู่เสมอ ระบบหล่อเย็นก็ไม่น่าเป็นห่วงครับ
วิธีเช็ค เช็คน้ำในหม้อน้ำพักว่ามีปริมาณเท่าไหร่ หากเห็นว่ามีปริมาณน้ำลดลงมากกว่าปกติ ให้เติมน้ำยาหล่อเย็น (Coolant) และน้ำเปล่าสะอาดผสมกันในอัตรา 50/50 ลงในหม้อน้ำจนถึงขีด max
4. น้ำมันเครื่อง เป็นส่วนหล่อลื่นที่ทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงควรหมั่นตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องยนต์อย่างส่ำเสมอ
วิธีเช็ค จอดรถให้อยู่แนวราบ เปิดกระโปรงรถ มองหาก้านวัดระดับน้ำมันเครื่อง และดึงก้านวัดก้านขึ้นมา ใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดน้ำมันเครื่องที่ติดอยู่บนก้านวัด เสียบก้านวัดคืนจุดเดิมแล้วดึงขึ้นมาเพื่อเช็คอีกครั้ง ให้สังเกตแถบน้ำมันเครื่องที่ติดอยู่บนก้านวัด ควรอยู่ระหว่างขีด F กับ L หรือ Max กับ Min แต่ถ้าอยู่มากหรือน้อยเกินไปควรเติมหรือลดน้ำมันเครื่องให้อยู่ในระดับปกติ
ต่อกันที่ ภายนอกรถยนต์
1. ยางรถยนต์ เป็นสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อน สิ่งที่ควรเช็คคือ ความดันลมยาง รอยแตกของยาง และความลึกของดอกยาง
วิธีเช็ค เคาะยางดูให้แน่ใจว่าลมยางอ่อนหรือไม่ ลมยางควรอยู่ในปริมาณที่พอดี ถ้าจะให้ดีไปเติมลมสักหน่อยก่อนออกเดินทางและเลือกปริมาณลมตามมาตรฐานของยางที่ใช้ เช็คหน้ายางว่ามีรอยฉีกขาดหรือรอยแตกหรือไม่ และดอกยางนั้นยังมีเหลือมากน้อยแค่ไหน ถ้าหน้ายางมีรอยแตกมาก หรือมีดอกยางน้อย แนะนำให้เปลี่ยนยางใหม่นะครับ
2. ระบบสัญญาณไฟ จำเป็นต้องเช็คเพื่อความปลอดภัยในการเดินทางตอนกลางคืนหรือพื้นที่ที่มีแสงน้อย ควรตรวจเช็คระบบไฟทุกส่วน ไฟสูง ไฟเบรก ไฟฉุกเฉิน ไฟเลี้ยว ไฟตัดหมอก
วิธีเช็ค ตรวจดูไฟส่องสว่างทุกดวงให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ปกติ หากเสียก็ควรรีบไปพบช่างเพื่อแก้ไข
และทั้งหมดนี้ก็เป็นการเช็ครถยนต์ก่อนเดินทางไกลฉบับเบื้องต้นที่เพื่อนๆ สามารถเช็คได้ด้วยตัวเอง แต่ถ้าใครไม่สะดวก อยากตรวจเช็คสภาพรถยนต์มากกว่า 20 รายการ ก็สามารถเข้าเช็คสภาพรถ ณ จุดตรวจสภาพรถฟรี ของทางภาครัฐและเอกชนที่เข้าร่วมกิจกรรม “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย” ได้
จุดตรวจสภาพรถ ภาครัฐและภาคเอกชน
ภาครัฐ และภาคเอกชน ดำเนินการตามมาตรการด้านความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ ประกอบด้วย กิจกรรม “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย” รณรงค์การตรวจความพร้อมของรถก่อนออกเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ และกิจกรรมตั้งจุดบูรณาการร่วม กรมการขนส่งทางบก และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) โครงการ “อาชีวะอาสา ร่วมด้วยช่วยประชาชน” ตั้งจุดบริการทั่วไทย ตลอดเทศกาลปีใหม่
กิจกรรม “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 – 31 ธันวาคม 2562 ให้บริการตรวจเช็กสภาพความพร้อมของรถยนต์และรถจักรยานยนต์ก่อนเดินทางจำนวน 20 รายการ โดยไม่คิดค่าบริการ เช่น การตรวจระบบเบรก สภาพยาง อุปกรณ์ปัดน้ำฝน ระดับน้ำมันเครื่องและความสกปรกของน้ำมันเครื่อง ท่อยาง หม้อน้ำและรอยรั่ว การทำงานของไฟส่องสว่าง/ไฟสัญญาณต่างๆ ณ สถานบริการกว่า 31 องค์กร จุดให้บริการกว่า 2,300 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่
1. Honda จัดแคมเปญ “หนาวนี้ ตรวจรถฟรี ขับขี่มั่นใจ ปลอดภัยทุกเส้นทางกับฮอนด้า” ตรวจสภาพรถฟรี 25 รายการ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2562 – 31 มกราคม 2563
2. Nissan จัดแคมเปญ “Nissan All Ways Care” ที่พร้อมบริการตรวจสภาพรถยนต์ฟรี 28 รายการมาตรฐาน โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 2562
3. Mazda ร่วมโครงการ “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย เทศกาลปีใหม่ 2563” เชิญชวนลูกค้านำรถเข้าตรวจเช็คสภาพรถฟรี 20 รายการ ตามมาตรฐานกรมการขนส่งทางบก ตั้งแต่ 15 ธันวาคม 2562 – 15 มกราคม 2563 ณ ศูนย์บริการมาสด้าทั่วประเทศ
4. Isuzu และ กรมการขนส่งทางบก ตรวจเช็กรถฟรี 30 รายการ สำหรับรถปิกอัพอีซูซุทุกรุ่น และรถยนต์นั่งอเนกประสงค์อีซูซุทุกรุ่น ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน – 30 ธันวาคม 2562
5. Toyota ร่วมมือกับกรมขนส่งทางบกจัดกิจกรรม “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย” โดยให้บริการตรวจเช็คสภาพรถยนต์ 24 รายการ ฟรี ที่ศูนย์บริการ ผู้แทนจำหน่าย Toyota ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2562
6. Hyundai จัดแคมเปญ New Year Campaign ชวนลูกค้าเข้ารับบริการตรวจเช็คสภาพรถยนต์ฟรี 40 รายการ ส่งท้ายปี 2562 ต้อนรับปี 2563 ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน 2562 – 11 มกราคม 2563
7. กรมการขนส่งทางบก จัดกิจกรรม “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย” ให้บริการตรวจเช็กสภาพความพร้อมของรถยนต์และรถจักรยานยนต์ฟรีก่อนเดินทางจำนวน 20 รายการ ณ ศูนย์บริการซ่อมบำรุงรักษารถ ศูนย์ซ่อมรถของบริษัทประกันภัย บริษัทติดตั้งแก๊ส NGV/LPG ในรถยนต์ บริษัทผลิตและศูนย์บริการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง อู่มาตรฐานของบริษัทประกันภัย สถานตรวจสภาพรถ (ตรอ.) สมาคมและหน่วยงานที่มีป้ายประชาสัมพันธ์ “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย”
นอกจากนี้ ยังมีโครงการ "อาชีวะอาสา ร่วมด้วยช่วยประชาชน" ตั้งจุดให้บริการทั่วประเทศ จำนวน 259 แห่ง บริเวณถนนสายหลักที่มีการจราจรหนาแน่นและสายรอง ให้บริการตรวจสภาพรถเบื้องต้นฟรีไม่คิดค่าใช้จ่าย พร้อมให้ความช่วยเหลือกรณีฉุกเฉิน บริการรถยก (บางพื้นที่) บริการนวดผ่อนคลาย บริการผ้าเย็น น้ำดื่ม ข้อมูลเส้นทางและแหล่งท่องเที่ยว รายชื่ออู่รถที่เปิดให้บริการ เป็นต้น โดยมีสถานศึกษาเข้าร่วม จำนวน 281 ทีม และมีจุดตรวจรถโดยสารสาธารณะทั้งหมด 114 จุด ได้แก่ สถานีบริการน้ำมัน หรือจุดให้บริการร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง
การเช็คสภาพรถยนต์ก่อนเดินทางไกล เป็นวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุและเพิ่มความอุ่นใจของเราและเพื่อร่วมทางได้ แต่อย่างไรก็ตามถ้าผู้ขับขี่ไม่เคารพกฎจราจร ขับขี่ประมาท อาจเกิดอุบัติเหตุได้เช่นกัน ฉะนั้นทางที่ดี มี ประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่คุ้มครองค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถเราและคู่กรณี หรือกรณีไม่มีคู่กรณี รวมไปถึงหากเกิดเหตุไฟไหม้รถยนต์ หรือรถหายเพราะถูกโจรกรรม ก็สามารถเคลมประกันชั้น1 ได้ หายห่วง
หากสนใจประกันรถยนต์ชั้น 1 พี่หมีขอแนะนำ
ประกันรถยนต์ชั้น1 เพียง 7,500 บาทต่อปี ราคาเดียวทั้งเก๋งและกระบะ ผ่อน0% ฟรี! รถใช้ระหว่างซ่อม อ่านรายละเอียดเพิ่มเติ่มคลิกลิ้งที่พี่หมีแนบมาได้เลยนะครับ หรือโทร 1737 สอบถามพี่หมีได้ตลอด 24 ชั่วโมง