เช็คสภาพรถก่อนกลับมาทำงาน หลังหยุดยาว

     กลับจากเที่ยวหยุดยาวแบบนี้ เชื่อว่า รถยนต์ของใครหลายคนคงถูกใช้งานมาอย่างหนัก ยิ่งใครเดินทางไกลกลับบ้านต่างจังหวัด เผชิญกับหลุมบ่อ ถนนขรุขระ แอ่งน้ำต่างๆ การเช็คสภาพรถยนต์หลังเดินทางไกล จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง จะช่วยให้เราพบความผิดปกติของตั้งแต่แรกเริ่ม และสามารแก้ปัญหาได้ทันท่วงที มิเช่นนั้นเรื่องราวอาจบานปลาย เสี่ยงรถเสียกลางทาง หรือหนักไปกว่านั้น เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ทำให้คุณไม่มีรถขับไปทำงานได้เลยหละครับ วันนี้พี่หมี TQM จึงจะพาเพื่อนไป เช็คสภาพรถก่อนกลับมาทำงาน หลังหยุดยาว ต้องเช็คอะไรบ้าง มาดูกัน!

---

มาเช็คสภาพรถหลังเดินทางไกลกัน

1. เช็คระบบเบรค

     หลังใช้รถ แน่นอนว่าสิ่งที่ทำงานหนักคือระบบเบรค เราจึงควรเช็คผ้าเบรคสักหน่อย ด้วยการนำรถออกไปวิ่งด้วยความเร็วสูง ถ้าพวงมาลัยสั่น หรือ เวลาเบรคมีเสียงผิดปกติ ควรรีบนำรถเข้าอู่หรือศูนย์ให้ช่างเช็คผ้าเบรคโดยด่วน เพราะอาจจะถึงเวลาเปลี่ยนผ้าเบรคแล้ว

---

2. เช็คของเหลว

 

• เช็คน้ำมันเครื่อง ว่าอยู่ในระดับปกติหรือไม่ ซึ่งระดับน้ำมันไม่ควรพร่องลงไปจากระดับที่วัดก่อนเดินทางมากนัก ถ้าพร่องมากหรือต่ำกว่าระดับ min ให้ตรวจดูว่ารั่วตรงจุดไหนหรือเปล่า กรณีที่พบว่าน้ำมันเครื่องดำหรือมีเขม่า แสดงถึงเวลาที่คุณต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องใหม่แล้วล่ะ

 

• เช็คน้ำยาหล่อเย็น ว่าเหลืออยู่ระดับไหน สามารถเช็คได้ง่ายๆ เพียงสังเกตที่หม้อพักน้ำยาหล่อเย็น จะมีสัญลักษณ์บอกระดับน้ำ Max และ Min ถ้าระดับน้ำอยู่ต่ำกว่าขีด Min แสดงว่าน้ำยาน้อยเกินไป เป็นเหตุทำให้เครื่องยนต์โอเวอร์ฮีท (Over heat) ฉะนั้นควรเติมน้ำยาหล่อเย็นให้อยู่ระดับพอดี ไม่เกินขีด Max ครับ

---

3. เช็คระบบไฟ

 

     เช็คไฟรอบคัน ดูว่าติดครบทุกดวงหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็น ไฟเลี้ยว ไฟหน้า ไฟท้าย ไฟตัดหมอก ไฟผ่าหมาก (ไฟฉุกเฉิน) หากมีไฟไหนไม่ติด ควรนำรถเข้าอู่เพื่อเปลี่ยนหลอดไฟ นอกเหนือจากไฟแล้ว ยังต้องสังเกตสัญญาณไฟจากหน้าปัดรถยนต์ด้วย หากมีสัญลักษณ์แจ้งเตือน ในเบื้องต้นให้ลองเปิดเทียบกับคู่มือ และแก้ไขให้ตรงจุดตามคำแนะนำ

---

4. เช็คยางรถยนต์

     มาถึงส่วนของล้อรถยนต์ ควรเช็คอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็น ดอกยาง หน้ายาง ลมยาง และสิ่งแปลกปลอมที่อาจทำร้ายยางรถของเรา โดยมีวิธีดูดังนี้ (ยางรถยนต์เสื่อมสภาพ มีวิธีตรวจเช็คยังไง)

 

• เช็คดอกยาง โดยใช้เหรียญบาท 1 เหรียญเสียบลงไปตรงร่องของยาง แล้วสังเกตดู ถ้ามองเห็นหน้าเหรียญครบทั้งหน้า แสดงว่ายางรถคุณไม่มีดอกยางแล้ว ควรเปลี่ยนยางโดยด่วน!
• เช็คหน้ายาง เวลาเดินทางไกลโดยเฉพาะต่างจังหวัด อาจเจอกับทางขรุขระไม่เรียบ ทำให้หน้ายางมีรอยได้ ให้สังเกตหน้ายางว่ามีรอยปูดบวมหรือไม่ มีรอยแห้งแตกของแก้มยางหรือเปล่า หากมีรอยอาจทำให้ลมรั่วซึมอย่างช้าๆ และอันตรายต่อการขับขี่ ควรนำไปปะยางหรือเปลี่ยนยางทันที
• เช็คลมยาง ปกติแล้วลมยางรถ ควรเช็คอย่างน้อยเดือนละ 1-2 ครั้ง แต่เมื่อกลับจากเดินทางไกล ควรเช็คอีกครั้งก่อน เพราะไม่รู้ระหว่างทางเราขับรถไปเหยียบอะไรมาบ้าง อาจเกิดรอยรั่วได้ ฉะนั้นเช็คความดันลมยางทั้ง 4 ล้อ ถ้าพบว่าล้อใดล้อหนึ่งมีความดันลมน้อยกว่าปกติ อาจจะมีการรั่วซึมเกิดขึ้นได้
• สิ่งแปลกปลอม ควรเช็คดูว่ามีเศษหิน ตะปู น็อตหรือก้อนหินทิ่มหรืออุดอยู่ในยางรถยนต์หรือไม่ เพราะสิ่งเหล่านั้นอาจทำให้เกิดปัญหายางรั่วและอันตรายถึงขั้นยางระเบิดได้

---

5. เช็คไส้กรองอากาศ

 

     ยิ่งเดินทางไกล รถยิ่งผจญกับฝุ่นละออง ลองถอดไส้กรองมาดูว่าสกปรกหรือเปล่า ถ้าเป็นไส้กรองชนิดแห้ง ดูแล้วฝุ่นไม่เยอะมาก สามารถเคาะออกหรือใช้ไดร์เป่าสิ่งสกปรกออกได้ แต่ถ้าเป็นไส้กรองที่เคลือบน้ำมัน ทำความสะอาดไม่ได้ ต้องทำใจเปลี่ยนใหม่สถานเดียว

---

6. เช็คตัวถัง

 

     ขับทางไกลไม่รู้เจอกับอะไรบ้าง อาจมีกิ่งไม้หรือเศษหินกระเด็นมาขูดกับตัวรถ หรือเวลาไปจอดในสถานที่ต่างๆ ไม่มีกล้องวงจร อาจมีรถมาเฉี่ยวชนแล้วหนี ทำให้เกิดรอยบุบหรือรอยขูด ถ้ามีรอยแบบนี้ อาจเก็บไว้เคลมประกันฯ เพื่อทำสีใหม่ แต่จะต้องเป็นประกันชั้น 1 เท่านั้นนะครับถึงจะเคลมได้ เพราะประกันชั้น 1 คุ้มครองกรณีเฉี่ยวชนแบบไม่มีคู่กรณี เป็นความคุ้มครองที่ประกันชั้นอื่นไม่มีให้

---

เผื่อใครกำลังมองหาประกันชั้น 1 อยู่ พี่หมี TQM ขอแนะนำ ประกันรถยนต์ชั้น 1 มนุษย์เงินเดือน สุดคุ้ม ผ่อน0% นาน 10 เดือน พร้อมบริการเสริมและความคุ้มครองพิเศษๆ ไม่ว่าคุณเป็นมนุษย์เงินเดือนแบบไหน

• บริการ ไปทำธุระแทนคุณ เพราะเรารู้ว่าคุณยุ่งจนไม่มีเวลา
• คุ้มครอง Gadget คุณไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือ Notebook, Tablet รวมถึงกล้องหน้ารถ
• รับรถไปเข้าอู่ เข้าศูนย์ซ่อม แทนคุณฟรีๆ
• บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน บนท้องถนน 24 ชั่วโมง
• ฟรี! รถใช้ระหว่างซ่อม ไม่ว่าคุณจะเป็นฝ่ายผิดหรือถูก
• ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่เลย

---

7. เช็คช่วงล่าง

 

     ถ้าช่วงล่างของรถยนต์มีความผิดปกติจะแสดงอาการต่างๆ เช่น อาการรถร่อนเมื่อขับรถเร็ว อาการรถกระดอนผิดจังหวะ อาจเป็นสาเหตุจากโช้คที่ได้รับความเสียหาย แต่นอกจากนี้ยังมีอาการผิดปกติอีกมากที่บ่งบอกว่าช่วงล่างของรถยนต์กำลังมีปัญหา ทางที่ดีสังเกตความผิดปกติ แล้วรีบนำรถเข้าอู่ซ่อมหรือศูนย์ให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบดีกว่าครับ

     แต่นอกจากจะเช็คสภาพรถยนต์แล้ว อย่าลืมล้างรถเมื่อมีโอกาสกันด้วยนะครับ เพราะฝุ่นที่เกาะอยู่ตัวถัง อาจสร้างความเสียหายให้กับชั้นสีในระยะยาวได้ เพียงเท่านี้รถยนต์ของเพื่อนๆ ก็กลับมาไฉไล พร้อมกลับมาใช้งานหลังหยุดยาวแล้วหละ