โรคที่มักเกิดกับเด็กได้ในช่วงหน้าร้อน
กรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศว่าประเทศไทยได้เข้าสู่
ฤดูร้อนแล้ว ตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2562 โดยอุณหภูมิจะสูงขึ้นและมีอากาศร้อนอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะสิ้นสุดฤดูร้อนในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 62 แน่นอนว่าช่วงนี้ถือเป็นช่วงที่เด็ก ๆ ปิดเทอมด้วยเช่นกัน วันนี้พี่หมีจะมาแนะนำเกี่ยวกับโรคที่มักจะเกิดกับเด็กได้ในช่วงหน้าร้อนนี้ เพื่อให้คุณพ่อ คุณแม่ และผู้ปกครอง ได้เฝ้าระวังและดูแลบุตรหลานของท่าน
เลือดกำเดาไหล
จมูกเป็นอวัยวะที่ไวต่อการเปลี่ยนแปลงของอากาศ ทั้งอากาศเย็นและอากาศร้อน โดยอาการเลือดกำเดาไหลอาจจะเกิดจากโรคภูมิแพ้ การปรับตัวของเยื่อบุจมูก นอกจากนี้บางครั้งเด็กอาจจะขยี้จมูกจนเกิดอาการเลือดกำเดาไหลได้ หากเด็กมีอาการเลือดกำเดาไหล ให้เด็กก้มหน้าลงและใช้นิ้วชี้และหัวแม่มือบีบจมูกทั้งสองข้างให้แน่นเป็นเวลา 5-10 นาที และหายใจทางปาก เมื่อเลือดหยุดไหลให้ยกศีรษะสูงขึ้นและประคบน้ำแข็งสลับกันกับเอาออกบริเวณหน้าผากหรือคออย่างละ 10 นาที
เป็นลมแดด
โรคเป็นลมแดดเกิดจากอุณหภูมิรอบตัวสูงจัดหรืออากาศร้อน จนทำให้อุณภูมิในร่างกายสูงขึ้น โดยจะมีอาการตัวร้อน ชีพจรเต้นเร็วและแรง หิวน้ำบ่อย และหายใจกระชั้นถี่ขึ้น เมื่อเด็กเป็นลมแดดให้พาเด็กเข้าที่ร่มและมีอากาศถ่ายเทสะดวก ถอดเสื้อผ้าออกเพื่อระบายความร้อน และจับนอนหงาย ยกขาขึ้นสูง เพื่อให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น หลังจากนั้นใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำบิดหมาด ๆ เช็ดตัวเด็ก เพื่อให้อุณหภูมิร่างกายเย็นลง
ไข้หวัดแดด
โรคไข้หวัดแดดเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอย่างรวดเร็ว ทำให้อุณหภูมิร่างกายปรับตัวตามไม่ทัน โดยจะมีอาการหลัก ๆ ดังนี้ มีไข้ ปวดเมื่อยตัว ปวดหัว ไอ จาม มีเสมหะ มีน้ำมูก อ่อนเพลีย และอื่น ๆ วิธีดูแลเมื่อเด็กเป็นไข้หวัดแดด ให้รับประทานยาลดไข้ เช็ดตัว ดื่มน้ำอุ่น และนอนพักผ่อน ควรหลีกเลี่ยงการไปยังสถานที่ที่มีผู้คนแออัด เพื่อป้องกันเชื้อไวรัส และหลีกเลี่ยงการตากแดดร้อนจัด
โรคท้องเสีย ท้องร่วง
เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อน อุณหภูมิก็มักจะสูงกว่าปกติ เชื้อโรคจึงเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้อาหารบูดเสียได้ง่าย หากเด็กรับประทานเข้าไปจึงมีโอกาสท้องเสีย ท้องร่วง วิธีการดูแลเบื้องต้นให้เด็กดื่มน้ำเกลือแร่ เพื่อชดเชยน้ำในร่างกายที่เสียไป โดยดื่มปริมาณ 2-3 ออนซ์ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม หากเด็กยังไม่หยุดถ่ายให้รีบพบแพทย์โดยด่วน
โรคไวรัสตับอักเสบเอ
ไวรัสตับอักเสบเอ เป็นโรคที่เกิดจากการรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนไวรัสตับอักเสบเอ โดยเฉพาะอาหารประเภทสุก ๆ ดิบ ๆ อาการที่พบมีดังนี้ มีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดเมื่อยตัว เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย หลังจากไข้ลดแล้วจะมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง หากพบว่าเด็กมีอาการตามนี้ ให้รีบส่งโรงพยาบาลโดยด่วน รวมถึงป้องกันด้วยการกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ
ทั้ง 5 โรค เป็นโรคที่จะต้องเฝ้าระวังไม่ให้เกิดกับบุตรหลาน เพราะเด็กจะมีภูมิคุ้มกันที่ต่ำกว่าผู้ใหญ่ จึงมีโอกาสป่วยได้ง่ายกว่า นอกจากการดูแลอย่างใกล้ชิดแล้ว แนะนำให้คุณพ่อ คุณแม่ หรือผู้ปกครอง
ทำประกันสุขภาพเด็ก เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้าน
ค่ารักษาพยาบาลที่จะเกิดขึ้น เนื่องจากเด็กมักจะป่วยบ่อย
ช่วงปิดเทอมเด็กๆอาจเล่นซน หวั่นเกิดอุบัติเหตุแบบไม่ตั้งใจ ทำให้พ่อแม่เสียเงินโดยใช่เหตุ มีประกันให้กับลูกรักอุ่นใจกว่าในราคาเบาๆ ประกันอุบัติเหตุ-สุขภาพเด็ก ไม่ได้แพงอย่างที่คิด เบี้ยเริ่ม 3 บาท / วัน คุ้มครองสูงสุด 500,000 บาท โดยคุ้มครองทั้งการรักษาเมื่อลูกป่วย นอนโรงพยาบาล หรือประสบอุบัติเหตุ และยังคุ้มครองโรคยอดฮิตของเด็ก อย่าง ไข้เลือดออก, โรคมือเท้าปาก, ไข้หวัดใหญ่ ฯลฯ อีกด้วย
READ MORE :