ฤกษ์งามยามดี ปีนี้ก้าวเข้าสู่ “ปีจอ” เพื่อนๆหลายคนคงกำลังหาโอกาสกราบพระขอพรให้ครบ 9 วัด เสริมดวง สะเดาะเคราะห์ เพื่อความก้าวหน้าและเจริญรุ่งเรืองกันตลอดทั้งปี ส่วนคนที่เกิด ปีมะโรง จอ ฉลู และมะแม ก็คงกำลังหาวัดไหว้แก้ชงกัน วันนี้พี่หมีมีวัดดี วัดดังมาฝากเพื่อนๆกันครับ
วัดดวงดี จังหวัดเชียงใหม่
นอกจากนามอันเป็นมงคลจนคนต้องมากราบไหว้แล้ว หากใครได้ไปไหว้พระขอพรที่วัดดวงดีช่วงปีใหม่นี้ไปจนถึงสิ้นเดือนมกราคม 2561 นับเป็นโอกาสที่ดีจะได้กราบไว้ขอพรต่อองค์พระเจ้าดวงดีองค์จริง พระพุทธรูปโบราณที่อายุกว่า 600 ปี เป็นครั้งแรกที่ทางวัดอัญเชิญออกมาไว้ในพระวิหาร เพราะที่ผ่านมาเจ้าอาวาสวัดไม่นำออกมาไม่ว่าจะเป็นช่วงไหน โดยองค์พระถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีไม่มีใครเคยเห็นแม้กระทั่งพระและสามเณรในวัด
"พระเจ้าดวงดี" องค์งามล้ำค่าเป็นพระสิงห์ชายสังฆาฏิเหนืออังสาเป็นริ้วแบบสุโขทัยไม่ได้ปลายตัดเป็นเขี้ยวตะขาบแบบพระสิงห์ทั่วไป เชื่อกันว่าใครที่ได้เห็นและกราบไหว้ขอพระพระเจ้าดวงดี ที่จะดวงดีตลอดทั้งปีครับ
วัดหมื่นเงินกอง จังหวัดเชียงใหม่
พระอารามแห่งนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของกำแพงเมืองด้านใน ใกล้ถนนสามล้าน สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้ากือนา กษัตริย์องค์ที่ ๖ แห่งนครเชียงใหม่ ตำนานการสร้างวัดเล่าว่ามีมหาอำมาตย์นามว่า “หมื่นเงินกอง” ดำรงตำแหน่งขุนคลังเป็นผู้สร้าง อำมาตย์คนนี้เดิมชื่อว่า “หนานเมธัง” เป็นเพียงชาวนาธรรมดาๆ เขาและภรรยาขยันทำมาหากินจนร่ำรวย นำเงินที่หามาได้มาสร้างวัดเมธัง และวัดช่างลาน ต่อมาเมื่อได้รับตำแหน่งจากพระเจ้ากือนาให้เป็น “มหาเสนาอำมาตย์หมื่นเงินกอง” จึงสร้างวัดหมื่นเงินกองขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ต่อบรรดาศักดิ์ที่ตนเองได้รับนั่นเอง
วัดนี้ตั้งไม่ไกลจากวัดดวงดีมากนัก ใครไปวัดดวงดีก็สามารถเดินไปวัดหมื่นเงินกองขอพรเรื่องโชคลาภ เงินทองเพิ่มเติมได้อีกครับ รวยปังกันไปเลย
วัดพนัญเชิง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
วัดนี้เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อโต ซำปอกง พระพุทธรูปปูนปั้นปิดทองปางมารวิชัย ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตามพงศาวดารกล่าวว่าพระพุทธรูปองค์นี้เป็นพระคู่บ้านคู่เมือง สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 1867 ก่อนที่พระเจ้าอู่ทองจะสร้างกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีเสียอีก เล่ากันว่าเมื่อกรุงศรีอยุธยาพ่ายแพ้แก่ข้าศึก องค์หลวงพ่อโตมีน้ำพระเนตรไหลออกมาทั้งสองข้าง ด้วยแรงศรัทธาของชาวไทยและชาวจีนถึงขนานนามหลวงพ่อโตองค์นี้ว่า “หลวงพ่อซำปอกง”
ในด้านความศักดิ์สิทธิ์ คนที่ทำการค้าขาย หากได้มาตั้งจิตอธิษฐานต่อหน้าองค์หลวงพ่อโต ว่ากันว่าจะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ใครที่อยากให้การงานก้าวหน้า ได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง ประสบความสำเร็จเรื่องการเรียน การสอบ มาขอพรที่นี่ จะได้ตามที่หวัง เด็กเล็กที่เจ็บป่วยบ่อย พามาจุดธูปเทียนอธิษฐานฝากตัวเป็นลูกหลวงพ่อ ก็เชื่อกันว่าบารมีของท่านจะช่วยคุ้มครองป้องภัยให้หายเจ็บป่วยได้ครับ
วัดท่าไม้ จังหวัดสมุทรสาคร
นอกจากวัดนี้จะขึ้นชื่อเรื่องดูดวงจนดาราดังๆหลายท่านต้องมา ว่ากันว่าหลวงพ่ออุเทน ดูดวงแม่นยำมาก แต่ถ้าหากใครอยากไปดูดวงต้องเดินทางไปรับบัตรคิวตั้งแต่ตี 5 ถึง 7 โมงเช้ากันเลยทีเดียว
นอกจากนี้ สิ่งที่ประชาชนนิยมเดินทางเข้ามาเคารพสักการะนั้น ได้แก่ ราหู กวนอิม พระพิฆเนศ พระอินทร์ พระพรม เจ้าแม่ตะเคียน รวมถึงเข้าพิธีกรรมตามความเชื่อ เช่น แก้กรรม ต่อบุญ เสริมดวงชะตา และแก้ปีชง เพราะหลวงพ่ออุเทน เจ้าอาวาสวัด เป็นศิษย์หลวงปู่รุ่ง อดีตเจ้าอาวาสวัดท่ากระบือ ซึ่งเป็นพระอาจารย์ชั้นผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงด้านสมาธิจิตแก่กล้า มีศิลาจาริยาวัตรงดงาม จึงเป็นทำให้วัดท่าไม้มีชื่อเสียงในด้านดีมากขึ้นไปอีกครับ
วัดศรีษะทอง จังหวัดนครปฐม
วัดศีรษะทองได้ชื่อว่าเจ้าตำรับการบูชาพระราหู เพราะในแต่ละวันจะมีประชาชนนิยมนำของดำมาบูชาพระราหูเพื่อความเป็นสิริมงคลที่วัดนี้เป็นจำนวนมาก ตามประวัติกล่าวว่าวัดศีรษะทอง สร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ตอน สร้างโดยชาวเวียงจันทน์ที่มาตั้งหลักแหล่งอยู่บริเวณเลยแม่น้ำท่าจีนออกไปบริเวณตำบลห้วยตะโกปัจจุบัน แต่ที่ได้ชื่อว่าศีรษะทอง เพราะบริเวณที่ตั้งเติมขุดพบเศียรพระเป็นทอง หมู่บ้านจึงตั้งชื่อตามและเมื่อสร้างวัด ก็ใช้ชื่อนี้เพื่อเป็นสิริมงคลครับ
นอกจากนี้ใครที่สนใจเครื่องรางของขลัง วัดศีรษะทองก็ขึ้นชื่อเรื่อง พระราหูอมจันทร์จากกะลาตาเดียวและวัวธนูอีกด้วย
วัดมังกรกมลาวาส จังหวัดกรุงเทพมหานคร
วัดมังกรแห่งนี้ ถ้าจะพูดถึงการเสริมดวงเราคงมองข้ามไปไม่ได้แน่นอนครับ เรียกได้ว่าศักดิ์สิทธิ์และเป็นมงคลกันตั้งแต่ทางเข้าเลยล่ะ เพราะตลอดทางเข้าไปภายในวัดจนถึงวิหารจะพบ "ท้าวโลกบาล" ทั้ง 4 ที่เป็นเทวรูปเทพเจ้าทั้ง 4 พระองค์ ในชุดนักรบชาวจีน พร้อมถืออาวุธ พิณ ดาบ ร่ม เจดีย์ ซึ่งชาวจีนเรียกว่า "ซี้ไต๋เทียงอ้วง" หมายถึงเทพเจ้าที่ปกปักษ์รักษาคุ้มครอง
ถัดจากนั้นจะเป็นส่วนของ "อุโบสถ" ซึ่งเป็นสถานที่ประดิษฐานพระประธานของวัด คือ พระโคตมพุทธเจ้า พระอมิตาภพุทธะ พระไภษัชยคุรุพุทธะ ทั้งหมด 3 องค์ หรือ "ซำป้อหุกโจ้ว" พร้อมพระอรหันต์อีก 18 องค์ หรือที่เรียกว่า "จับโป๊ยหล่อหั่ง" ซึ่งทางด้านขวามีเทพเจ้าต่าง ๆ หลายองค์ เช่น เทพเจ้าคุ้มครองดวงชะตา หรือ "ไท้ส่วยเอี๊ยะ", เทพเจ้าแห่งยาหรือหมอเทวดา "หั่วท้อเซียงซือกง"
และที่นิยมไหว้ขอพรมากคือ เทพเจ้าแห่งโชคลาภ "ไฉ่ซิ้งเอี๊ยะ" เทพเจ้าเฮ่งเจีย หรือ "ไต่เสี่ยหุกโจ้ว" พระเมตไตรยโพธิสัตว์หรือ "ปู๊กุ่ยหุกโจ้ว" ซึ่งคล้ายกับพระมหากัจจายนะ "กวนอิมผู่สัก" หรือ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ "แป๊ะกง" และ "แป๊ะม่า"
ศาลเจ้าพ่อเสือ จังหวัดกรุงเทพมหานคร
ศาลแห่งนี้เข้าสู่รายชื่อวัดดังที่ควรไหว้เสริมดวงของเรามาอย่างสง่างามครับ ศาลเจ้าพ่อเสือเปิดมากว่า 100 ปีแล้ว แม้ว่าจะต้องถูกย้ายที่มาแล้วครั้งหนึ่งแต่ก็ไม่ทำให้ความศรัทธาของผู้คนลดน้อยลงเลย ซึ่งการย้ายมาตำแหน่งล่าสุดนี้อันเป็นตำแหน่งทางสามแพร่ง ว่ากันเป็นบริเวณที่มีพลังมาก จึงทำให้ศาลเจ้าพ่อเสือแห่งนี้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้นไปอีก
เชื่อกันว่าศาลเจ้าพ่อเสือเป็นศาลประจำสำหรับผู้ที่เกิดปีขาล(ปีเสือ) และสะเดาะเคราะห์แก้ปีชงสำหรับผู้เกิด ปีวอก นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่าสามารถขอลูกได้ด้วยครับ ครอบครัวชาวจีนที่ยังไม่มีลูก จะไปบนขอกันที่"ตั่วเล่าเอี๊ย" หรือศาลเจ้าพ่อเสือในคืนวันที่ ๑๕ ค่ำ เดือน ๑ (ตามปฏิทินจีน) ชาวจีนเรียกพิธีนี้ว่า "จับโหงวแม้" (แปลว่า "คืนวันที่ ๑๕ ค่ำ") โดยนำ "ทึ้งถะ" หรือเจดีย์ที่ทำด้วยน้ำตาลไปไหว้ คนที่อยากมีลูกแล้วไปขอ ท่านแนะนำว่า ต้องให้ฝ่ายชายไปไหว้แล้วขโมย "ทึ้งไซ" หรือสิงโตที่ทำด้วยน้ำตาลกลับมาบูชาที่บ้าน เมื่อได้ลูกสมปรารถนาแล้วปีหน้าหรือปีถัดไปต้องเอาสิงโตที่ทำด้วยน้ำตาลไปไหว้ใช้คืนสองเท่า หรือสองตัวนั่นเอง เผื่อให้ครอบครัวอื่นที่ยังไม่มีลูกจะได้ไปขโมยบ้างนั่นเอง
วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร จังหวัดกรุงเทพมหานคร
วัดระฆังโฆสิตารามแห่งนี้เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) สมเด็จพระราชาคณะในสมัยรัชกาลที่ 4 ซึ่งเป็นที่เลื่อมใสจากอดีตมาจนปัจจุบัน
ภายในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐาน พระประธานยิ้มรับฟ้าเมื่อไปสักการะให้ขอพรโดยการสวดคาถาชินบัญชร แล้วปักธูปที่กระถาง และปิดทองที่รูปปั้น เสร็จแล้วพรมน้ำมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล
ส่วนมากเมือมาที่นี่ต้องขอพรให้การงานราบรื่นครับ แล้วใครอยากจัดหนักมีศรัทธาแรง ก็นำระฆังถวายที่วัดนี้ได้ด้วย
วัดฉลอง จังหวัดภูเก็ต
วัดสุดท้าย เราก็ลงมาทางใต้กันบ้าง วัดฉลองวัดดังคู่บ้านคู่เมืองภูเก็ต กิตติศัพท์ในการรักษาโรค บุญญาบารมี และเมตตาธรรมที่สูงส่งของหลวงพ่อแช่ม ทำให้มีผู้เลื่อมใสศรัทธาวัดนี้กันมากครับ เล่ากันว่าในขณะที่ท่านมีชีวิตอยู่นั้น ถึงกับมีผู้ที่รอปิดทองตามแขนและขาของท่าน จนอร่ามไปทั่วราวกับปิดทองพระพุทธรูป และแม้ว่าหลวงพ่อแช่มจะมรณภาพเป็นเวลานับหนึ่งร้อยปีมาแล้วก็ตาม ชื่อเสียงเกียรติคุณและบารมีของท่านก็อยู่ในความทรงจำของผู้คนสืบมา
นอกจากนี้ชาวภูเก็ตยังเล่ากันว่า พ.ศ.2419 ซึ่งตรงกับสมัยของรัชกาลที่ 5 หลวงพ่อแช่มได้ช่วยเหลือชาวภูเก็ตต่อสู้กับพวกอั้งยี่ ชาวกรรมกรเหมืองแร่ที่ได้ก่อเหตุจลาจล ไล่ฆ่าฟันโจมตีชาวบ้านและจะยึดครองเมืองภูเก็ต ในครั้งนั้นหลวงพ่อได้มอบผ้าประเจียดสีขาวให้ชาวบ้านทุกคนโพกหัวเพื่อเป็นเครื่องรางป้องกันอันตราย ซึ่งได้สร้างความเชื่อมั่นและขวัญกำลังใจให้กับชาวภูเก็ตเป็นอย่างมาก และใช้วัดฉลองเป็นที่มั่นราวกับป้อมค่ายที่ใช้ในการต่อสู้ จนกระทั่งสามารถเอาชนะพวกอั้งยี่ได้ เมื่อรัชกาลที่ 5 ทรงทราบความจึงโปรดเกล้าฯ พระราชทานสมณศักดิ์แก่หลวงพ่อแช่ม เป็นพระครูวิสุทธิวงศาจารย์ญาณมุนี ให้มีตำแหน่งเป็นสังฆปาโมกข์แห่งเมืองภูเก็ต ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดในสมัยนั้น และได้พระราชทานนามวัดฉลองเป็นวัดไชยธารารามแต่นั้นมา
ใครจะไปภูเก็ตแล้วห้ามพลาดเด็ดขาด ว่ากันว่าใครมาที่นี้ต้องขอพร จากหลวงพ่อแช่ม “ของหายจะได้คืน เรื่องร้ายจะกลายเป็นดี” นั่นเองครับ