การดูแลรถช่วงหน้าฝน ที่เจ้าของรถมักละเลย มีอะไรบ้าง?
เมื่อฤดูฝนมาเยือน นอกจาก
ปัญหาน้ำท่วม ที่ส่งผลให้เดินทางลำบาก รวมถึงการจราจรติดขัดแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรละเลยคือ การขับรถด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากพื้นถนนลื่น และอาจมีวิสัยทัศน์ในการมองเห็นที่ไม่ดีนัก จึงมี
ความเสี่ยงที่เกิดอุบัติเหตุได้ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นคือ อาจเกิดการสูญเสียทั้งต่อตนเอง รวมถึงผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ อีกด้วย ถ้าไม่อยากให้อุบัติเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับชีวิตคุณ ควรขับรถด้วยความไม่ประมาท เพื่อเป็นการเซฟทั้งชีวิตตนเองและผู้อื่น
นอกจากนี้อีกหนึ่งปัญหาเกี่ยวกับ
รถช่วงหน้าฝน ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ก็คือการดูแลรถยนต์ให้เหมาะสม เพราะมิเช่นนั้น อาจเกิดความเสียหายในการซ่อมที่มีค่าใช้จ่ายสูง! เพื่อป้องกันไม่ให้รถยนต์คู่ใจ ต้องเผชิญกับปัญหาที่ยากเกินรับมือไหว พี่หมีมีวิธีการดูแลรถช่วงหน้าฝนมาแชร์ครับ
ตรวจเช็คไดสตาร์ท
สามารถตรวจได้ด้วยการบิดกุญแจสตาร์ทรถ หากระบบไดสตาร์ททำงานช้าลง นั่นหมายความว่า น้ำฝนมีส่วนทำให้เกิดปัญหา และหากปล่อยไว้อาจทำให้รถยนต์เกิดความเสียหาย รวมถึงเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ โดยแก้ไขได้ด้วยการถอดไดสตาร์ทออกมาทำความสะอาด
ตรวจเช็คระบบเบรก
หากพบว่าเมื่อเบรกรถแล้ว เกิดรถไถลไปด้านหน้าหรือสะบัดไปทางซ้าย ขวา ต้องรีบทำการตรวจเช็ดโดยด่วน เพราะหากปล่อยทิ้งไว้มีส่วนทำให้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้
ตรวจเช็คยางรถยนต์
ในกรณีที่ยางรถยนต์มีการใช้งานเกิน 3 ปีขึ้นไป ส่งให้เกิดการเสื่อมสภาพ ไม่มีความยืดหยุ่นในการเกาะถนน ดังนั้นเวลาเบรกกะทันหัน หรือเบรกแรงๆ จะทำให้เกิดการลื่นไถล เพราฉะนั้น ควรตรวจเช็คดอกยางว่าบางเกินกว่า 2.5 มม. หรือไม่ เพื่อจะได้สามารถขับรถในพื้นที่ที่มีน้ำขังได้อย่างปลอดภัย และมีการรีดน้ำออกได้ดี และไม่เสียการทรงตัวในขณะที่ขับรถบนถนนที่มีน้ำนอง
ตรวจเช็คระบบที่ปัดน้ำฝน
ที่ปัดน้ำฝนเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรละเลยเช่นกัน โดยให้ตรวจเช็คว่ายางของที่ปัดน้ำฝนมีสภาพการใช้งานที่เหมาะสมหรือไม่ ซึ่งหากปัดแล้วไม่เรียบและเป็นคลื่น รวมถึงมีเสียงดัง พี่หมีแนะนำให้เปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนใหม่ เพื่อความปลอดภัยในการขับรถท่ามกลางฝนตก ที่สำคัญคือควรตรวจเช็คกระบอกฉีดว่ามีน้ำอยู่หรือไม่
ตรวจเช็คถังน้ำมัน
ให้ตรวจเช็คว่าน้ำมันเครื่อง หรือ น้ำมันเกียร์มีน้ำเข้าไปหรือไม่ ซึ่งหากมีน้ำเข้าในบริเวณนี้ มีส่วนทำให้การทำงานของเครื่องยนต์ผิดพลาด และมีส่วนทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้
ตรวจเช็คยางขอบประตู
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการไหลซึมของน้ำฝนเข้ามาภายในรถ ควรตรวจเช็คให้ดีว่าขอบยางรถยนต์เสื่อมสภาพแล้วหรือไม่
ตรวจเช็คสัญญาณไฟ
อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรละเลยเช่นกันคือการตรวจเช็คสัญญาณไฟจราจร ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้ารถ ไฟท้าย ไฟเลี้ยว รวมถึงไฟหรี่ ว่าอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่ ที่สำคัญคือต้องมีแสงสว่างมากพอ ป้องการเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน
ตรวจเช็คที่กรองอากาศ
หากขับรถฝ่าฝน หรือน้ำท่วม แนะนำให้ทำการตรวจเช็คระบบกรองอากาศ ว่ามีสภาพที่พร้อมใช้งานหรือไม่
ฝนตกหนักถือเป็นเหตุการณ์ธรรมชาติที่ไม่สามารถควบคุมได้ เพราะฉะนั้นผู้ที่ใช้รถใช้ถนนต้องเตรียมรับมือให้พร้อมทุกสถานการณ์ ในกรณีที่ขับรถฝ่าฝนมา พี่หมีแนะนำให้รีบล้างรถทันที โดยการใช้แชมพูกับฟองน้ำ เพื่อชำระสิ่งสกปรกต่างๆ ที่มากับน้ำฝน รวมถึงป้องกันไม่ให้เกิดคราบสกปรกที่ฝังแน่น อีกทั้งยังเป็นการช่วยรักษาสีของรถให้คงคุณภาพเดิม ทั้งนี้ทั้งนั้น การใช้ผ้าคลุมรถก็สามารถช่วยปกป้องรถจากน้ำฝน รวมถึ
งรังสี UV จากแสงแดดได้เช่นกัน และเพื่อลดอุบัติเหตุบนท้องถนนในช่วงที่
ฝนตก ถนนลื่น เรียกได้ว่าสภาพาอากาศไม่เป็นใจในการขับรถเอาเสียเลย พี่หมีขอให้ขับรถด้วยความระมัดระวัง ไม่ขับเร็วจนเกินไป และเคารพกฎจราจรอย่างเคร่งครัด รวมถึงการทำประกันภัยรถยนต์ ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน โดยที่
TQM มีประกันภัยรถยนต์จากหลายบริษัทชั้นนำ ที่มาพร้อมข้อเสนอดีๆ และการคุ้มครองที่ครอบคลุม อีกทั้งมีโปรโมชั่นที่น่าสนใจอีกด้วย สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 1737 ตลอด 24 ชั่วโมง
READ MORE :