กฏหมายเกี่ยวกับจราจร ที่ควรรู้
ในยุคปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่นั้นหันมาใช้รถยนต์มากยิ่งขึ้น เพราะนอกจากได้รับความเป็นส่วนตัวแล้วนั้น ยังสามารถเดินทางไปตามสถานที่ต่าง ๆ ได้อย่างต้องการ ไม่ว่า จะเป็นในกรุงเทพฯ หรือ ต่างจังหวัด แต่ก็อาจจะต้องพบเจอกับปัญหาการจราจร กันสักหน่อย ซึ่งการใช้รถใช้ถนนส่วนใหญ่ของคนในปัจจุบันนั้น ผู้ขับขี่มี
ความรู้เกี่ยวกับจราจร มากน้อยขนาดไหน และสามารถปฏิบัติตามกฎจราจร ข้อที่สำคัญที่เราไม่ควรมองข้ามได้หรือไม่ หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า กฎจราจร คือ ส่วนหนึ่งของกฎหมายจราจร ซึ่งเป็นกฎหมายหลักในการควบคุมการจราจร ให้มีระเบียบและมีความเรียบร้อย เรียกได้ว่าเป็นกฎระเบียบกฎหมายจราจรที่ใช้กันเป็นหลัก
แต่ข้อกฎหมายที่ควรรู้ และ ที่เราต้องพบเจอในการใช้รถใช้ถนนบ่อยๆ และไม่ควรมองข้ามมีอะไรบ้างนั้น วันนี้พี่หมีก็มีความรู้ดีๆมาฝากกัน
1.ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย
โดยส่วนใหญ่เวลาเรานั่งรถยนต์ หรือ รถแท็กซี่โดยเฉพาะในส่วนของผู้โดยสารส่วนหน้าและผู้ขับ ซึ่งก็ยังมีผู้คนจำนวนมากที่ละเมิดกฎจราจรข้อนี้อย่างบ่อยครั้ง และรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ก็จะมีระบบเตือนให้เราคาเข็มขัดนิรภัย แต่ก็ยังมีคนที่ไม่คาดด้วยเช่นกัน ซึ่งหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา ก็จะส่งผลกระทบรุนแรงกับผู้ใช้รถยนต์อย่างแน่นอน โดยกฎหมายได้มีการกำหนดให้ คาดเข็มขัดนิรภัยในขณะขับรถ บังคับใช้ทั้งรถเก๋ง รถกระบะ รถแท็กซี่ รถตู้ บังคับให้ผู้ขับรถยนต์ และผู้ที่นั่งตอนหน้าข้างคนขับต้องคาดเข็มขัดนิรภัยด้วย หากฝ่าฝืนจะมีโทษคือ
ผู้ขับขี่ไม่รัดเข็มขัดนิรภัยไว้กับที่นั่ง และความผิดที่ไม่จัดคนนั่งด้านหน้าคู่กับคนขับให้คาดเข็มขัดนิรภัยขณะโดยสาร โดยมีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท
2.การขับรถเร็วเกินกำหนด
เป็นกฎหมายการจราจรที่มีผู้ฝ่าฝืนมากที่สุดในข้อกฎหมายเลยก็ว่าได้ ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีการแก้ปัญหาโดยการเพิ่มกล้องตรวจจับความเร็ว แต่พอเลยจุดที่ตรวจจับ ก็กลับมาใช้ความเร็วสูงเช่นเดิม โดยความเร็วที่ถูกกำหนดไว้นั่นคือ รถยนต์และรถจักรยนต์ ไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นอกเขตเทศบาล และไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อย่างในเขตเทศบาล กรุงเทพฯ และเมืองพัทยา แต่ในปัจจุบันก็ยังมีคนฝ่าฝืนกฎจราจรในข้อนี้จนเกิดอุบัติเหตุบ่อยๆ ซึ่งมีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท
3.การเลี้ยวรถโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว
ทุกครั้งที่ต้องการ
เปลี่ยนช่องจราจรหรือเลี้ยวรถต่างๆ ไม่ว่าจะเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา ควรจะมีการเปิดสัญญาณไฟเลี้ยว เพื่อส่งสัญญาณให้รถยนต์ที่ขับอยู่ข้างหลังได้รู้ว่าคุณกำลังจะเลี้ยวออกไปฝั่งไหน เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ แต่ที่ยังมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยๆนั้น ก็มาจากการที่เปิดไม่เปิดไฟแล้ว และ การเลี้ยวแบบกระทันหัน ซึ่งในความจริงแล้ว เราควรเปิดไฟเลี้ยวให้รถยนต์คันหลังเห็นอย่างชัดเจนก่อนที่เราจะทำการเลี้ยวรถ เช่น หากรถวิ่งอยู่ที่ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ให้เปิดไฟเลี้ยวล่วงหน้าก่อน 60 เมตร หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท
4.หยุดรถกีดขวางการจราจร
การหยุดรถในเขตห้ามหยุด จนเป็นสาเหตุให้เกิดการกีดขวางการจราจรให้รถยนต์คันอื่นนั้นไม่สามารถเข้าออกได้ ซึ่งสาเหตุแบบนี้เราก็สามารถพบเห็นได้บ่อยในสังคมไทยปัจจุบัน ซึ่งจะมีโทษตามความผิด คือ ปรับไม่เกิน 500 บาท
5.ขับรถยนต์ช้าแช่ขวา
ถึงแม้ว่าจะขับรถด้วยความเร็วที่สูง ตามที่ข้อกฎหมายกำหนด แต่ผู้ที่ขับขี่ก็ต้องมีการขับซ้ายให้รถที่เร็วกว่าแซงขึ้นไปได้ โดยจะมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 1,000 บาท และความผิดในข้อหาขับรถกีดขวางการจราจร โทษสูงสุด 1,000 บาท
6.การจอดรถยนต์ในที่ห้ามจอด
การจอดรถในที่ห้ามจอดหรือป้ายห้ามจอด สามารถพบเห็นได้บ่อยๆ ซึ่งการจอดรถในเขตพื้นที่ที่มีเส้นขาวแดงหรือว่าป้ายห้ามจอดนั้น จะมีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท
7.ขับรถไม่พกสำเนาภาพถ่ายคู่มือจดทะเบียนรถ
หลาย ๆ คนที่มีเล่มทะเบียนรถแล้วนั้นต้องมีสำเนาเล่มทะเบียนติดรถไว้ด้วย เพราะตามกฎหมายกล่าวว่า ผู้ขับรถต้องได้รับใบอนุญาตขับรถและสำเนาภาพถ่ายใบคู่มือจดทะเบียนรถ ในขณะขับขี่หรือควบคุมผู้ฝึกหัดขับรถยนต์ เพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่ โดยมีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท
8.ไม่หยุดรถให้คนข้ามถนนไปก่อน
หากเห็นคนกำลังข้ามถนนตามกฎหมายแล้วนั้น ผู้ใช้รถต้องหยุดให้คนข้ามทางม้าลายก่อน ซึ่งหากไม่หยุดรถให้คนข้ามทางม้าลาย จะมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 1,000 บาท
9.เปิดไฟตัดหมอกโดยไม่จำเป็น
ในปัจจุบันนิยมใช้ไฟตัดหมอกในการขับขี่ยามค่ำคืน เพื่อที่จะช่วยเพิ่มทัศนวิสัยหรือการมองเห็นในยามค่ำคืนมากยิ่งขึ้น แต่ไฟตัดหมอกนั้นจะมีการถูกปรับแต่งให้ตั้งมุมแสงส่องลงด้านล่าง แต่รู้หรือไม่ว่าการใช้ไฟตัดหมอกขับรถตามท้องถนนทั่วๆไปจะมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท
โดยแต่ละข้อกฎหมายนั้นเราจะเล็งเห็นได้ว่าเป็น
ข้อกฎหมายที่อยู่ใกล้ตัว และอาจจะเป็นข้อกฎหมายที่หลาย ๆ คนยังใช้ในชีวิตประจำวัน โดยอาจไมรู้ตัวว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่นั้นผิดกฎหมาย และมี
โทษปรับ การปฏิบัติตามกฎจราจรนั้นจะทำให้เราถึงที่หมายอย่างปลอดภัย และลดอัตราความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุอีกด้วยนะครับ พี่หมีเป็นห่วง <3
READ MORE :