เลือกประกันชีวิต ในแบบที่เป็นคุณ
เนื่องจากชีวิตเรามีความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเจ็บป่วย เกิดอุบัติเหตุ รวมถึงการเสียชีวิต อย่างกรณีเจ็บป่วย หรือเกิดอุบัติเหตุจนต้องได้รับการผ่าตัด ขึ้นมา หากเกิดเหตุสุดวิสัยเสียชีวิตไป คนในครอบครัวก็คงจะลำบากขึ้น แต่หาก ทำประกันชีวิตไว้แล้ว อย่างน้อยจำนวนเงินเอาประกันภัยให้กับผู้รับประโยชน์ ก็เป็นเงินก้อนที่สามารถช่วยให้คนที่อยู่ข้างหลังได้มีโอกาสใช้ชีวิตตามที่วางแผนไว้ต่อไปได้
โปรโมชันประกันชีวิต แนะนำโดย TQM
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ ประกันชีวิต
ซื้อประกันไว้ลดหย่อนภาษี ควรซื้อแบบไหนดี?1.ประกันชีวิต และ ประกันสะสมทรัพย์ : เบี้ยประกันชีวิตสามารถช่วยให้คุณลดหย่อนภาษีได้ ประกันชีวิตต้องมีระยะเวลาคุ้มครองมากกว่า 10 ปีขึ้นไป สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท
2.ประกันสุขภาพ : เบี้ยประกันสุขภาพสามารถลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท (สามารถลดหย่อนภาษีรวมกับ ประกันชีวิตและประกันสะสมทรัพย์ ได้ไม่เกิน 100,000 บาท)
3.ประกันบำนาญ : เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ ลดหย่อนภาษีได้ 15% ของเงินได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท วางแผนการเงินด้วย ประกันบํานาญ ลดหย่อนภาษีได้ แถมตอนเกษียณยังมีเงินใช้อีกด้วย
ความแตกต่างของประกันชีวิตสะสมทรัพย์ กับ เงินฝากประจำ?1.ผลตอบแทน
- ประกันชีวิตสะสมทรัพย์ จะได้รับเบี้ยประกันพร้อมผลตอบแทนคืน ตามที่ระบุไว้ในสัญญา โดยไม่หักภาษี
- เงินฝากประจำ เมื่อครบกำหนดจะได้รับเงินคืนในรูปแบบดอกเบี้ย และถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% จากยอดดอกเบี้ยที่ได้
2.กรณีเสียชีวิต
- ประกันชีวิตสะสมทรัพย์ จะได้รับทุนประกันตามที่ระบุไว้ในสัญญา
- เงินฝากประจำ จะได้รับเงินต้น และดอกเบี้ยบางส่วน แต่หากมีการถอนคืนก่อนกำหนดไม่ใช่อัตราที่กำหนดไว้ตั้งแต่ต้น
3.การลดหย่อนภาษี
- ประกันชีวิตสะสมทรัพย์ สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท
- เงินฝากประจำ จะไม่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้
ประกันชีวิตแบบบำนาญ กับแบบสะสมทรัพย์ต่างกันอย่างไร?- ประกันชีวิตแบบบำนาญ เป็นการคุ้มครองรายได้หลังเกษียณเป็นหลัก โดยบริษัทประกันชีวิตจะเริ่มจ่ายเงินคืนตามกรมธรรม์ให้ตั้งแต่เมื่อครบอายุ 55 ปี หรือ 60 ปี และจะมีการจ่ายต่อเนื่องเป็นงวด ๆ ในช่วงหลังวัยเกษียณตามสัญญาไปจนกว่าจะครบกำหนด
- ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ เป็นประกันชีวิตที่มุ่งเน้นในเรื่องการออม โดยให้ผลตอบแทนในระหว่างสัญญาหรือเมื่อครบกำหนดสัญญา พร้อมทั้งให้ความคุ้มครองชีวิตด้วยเช่นกัน
มีโรคประจำตัวสามารถซื้อประกันสุขภาพได้ไหม?กรณีที่ผู้เอาประกันมีโรคประจำตัวหรือประวัติสุขภาพที่เสี่ยง บริษัทประกันชีวิตจะพิจารณาเพิ่มเติมข้อเสนอ ดังนี้
1.รับความคุ้มครองตามปกติแต่เพิ่มเบี้ยตามความเสี่ยง
2.อนุมัติโรคอื่นๆ ยกเว้นโรคที่เป็นมาก่อนและไม่สามารถรับความเสี่ยงได้
3.เลื่อนการรับประกัน โดยมีระยะเวลาไม่คุ้มครองเพิ่มจากปกติ
4.ปฏิเสธการรับประกัน
ต้องการคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
กรอกข้อมูลเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อ *
นามสกุล *
เบอร์โทรศัพท์มือถือ *
อีเมล (ถ้ามี)
ประกันชีวิตมีอะไรบ้าง
1. ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ (Whole Life Insurance)
เป็นความคุ้มครองชีวิตระยะยาว เช่น คุ้มครอง ผู้เอาประกันจนถึงอายุ 90 ปี หรือมากกว่านั้น โดยบริษัทประกันจะมอบเงินครบกำหนดสัญญาให้หากผู้เอาประกันยังมีชีวิตอยู่จนครบสัญญา หรือ หากผู้เอาประกันเสียชีวิตในระหว่างสัญญาบริษัทประกันจะจ่าย “เงินเอาประกันภัย” ให้แก่ผู้รับ ประโยชน์ ซึ่งส่วนมากก็จะเป็นคนในครอบครัว เช่น บุตร คู่สมรส หรือบิดามารดา เป็นต้น
2. ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ (Endowment Insurance)
เป็นแบบประกันที่มุ่งเน้นให้ผลตอบแทนในระหว่างสัญญาหรือเมื่อครบกำหนดสัญญา พร้อมทั้งให้ความคุ้มครองชีวิตด้วยเช่นกัน โดยส่วนมากระยะเวลาความคุ้มครองจะไม่ยาวนัก เช่น 5 ปี 10 ปี 20 ปี แต่ก็มีที่คุ้มครองจนครบอายุ 60 ปี โดยผลตอบแทนที่จ่ายคืนผู้เอาประกันภัย ในกรณีมีชีวิตอยู่ มักจะมีกำหนดไว้ชัดเจนว่าจะจ่ายเมื่อครบปีกรมธรรม์ที่เท่าไหร่บ้าง ซึ่งจะมีทั้งที่ “กำหนดจำนวนเงินที่ แน่นอน” หรืออยู่ในลักษณะ “เงินปันผล” ที่จะแปรผันไปตามผลการลงทุนของบริษัทในขณะนั้น
3. ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา (Term Insurance)
แบบประกันที่ให้ความคุ้มครองชีวิต โดยบริษัท จะจ่ายจำนวนเงินเอาประกันภัยให้กับผู้รับผล ประโยชน์ ก็ต่อเมื่อผู้เอาประกันเสียชีวิตเท่านั้น จะไม่จ่ายให้เมื่อผู้เอาประกันอยู่จนครบกำหนด สัญญา เป็นแบบประกันชีวิตที่มีค่าเบี้ยประกัน “ต่ำที่สุด”เมื่อเปรียบเทียบกับความคุ้มครองชีวิตที่ได้รับ มีระยะเวลาความคุ้มครองกำหนดไว้แน่นอน เช่น 5 ปี 10 ปี ฯลฯ มักจะทำไว้เพื่อเน้นความคุ้ม ครองชีวิต สร้างความอุ่นใจให้กับคนที่รัก รวมถึงเป็นการสร้างหลักประกันให้กับครอบครัว
4. ประกันชีวิตแบบบำนาญ (Annuity Insurance)
เพื่อเป็นการคุ้มครองรายได้หลังเกษียณเป็นหลัก โดยบริษัทประกันชีวิตจะเริ่มจ่ายเงินคืนตามกรม ธรรม์ให้ตั้งแต่เมื่อครบอายุ 55 ปี หรือ 60 ปี และจะมีการจ่ายต่อเนื่องเป็นงวดๆ ในช่วงหลังวัย เกษียณตามสัญญาไปจนกว่าจะครบกำหนด เช่นจ่ายเงินบำนาญเริ่มตั้งแต่อายุครบ 55 ปี ไปจน ถึง 90 ปี เพื่อเป็นแหล่งรายได้หลังเกษียณที่แน่นอน เพราะการมีชีวิตอยู่ยาวนานโดยไม่มีราย ได้เพียงพอก็นับเป็นความเสี่ยงเช่นกัน
5. ประกันชีวิตแบบพ่วงสุขภาพ (Health & Life Insurance)
สำหรับผู้ที่มองหาความคุ้มค่าในการคุ้มครอง การมองหาประกันชีวิตแบบพ่วงสุขภาพถือว่าตอบโจทย์ เนื่องจากจะคุ้มครองชีวิตเราแล้ว ยังคุ้มครองสุขภาพเราอีกด้วย โดยที่ไม่ต้องถือหลายกรมธรรม์ และยังมีช่วงเวลาการคุ้มครองที่ยาวนานกว่า ประกันสุขภาพแบบเดี่ยว ซึ่งจะทำให้คุณไม่ต้องมาพะวงกับการต่ออายุรายปี ทั้งนี้ทั้งนั้น ประกันประเภทนี้มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง จึงเหมาะกับคนที่มีงบเพียงพอต่อการจ่ายทั้ง 2 เบี้ยเท่านั้น แต่ผลตอบแทนที่ได้มาก็คุ้มค่าเช่นกัน
6. ประกันชีวิตแบบกลุ่ม (Group Insurance)
การประกันกลุ่มโดยทั่วไป คือการให้ความคุ้มครองด้านประกันภัยต่างๆ แก่พนักงาน ภายใต้กรมธรรม์เดียวกัน โดยคำนวณเบี้ยประกันออกมาเป็นอัตราเบี้ยประกันเพียงอัตราเดียวและใช้กับทุกคนในกลุ่ม ทำให้ค่าใช้จ่ายการทำประกันลดลง มีผลให้เบี้ยประกันโดยรวมต่ำกว่าประกันชีวิตรายบุคคล เป็นการให้ความอุ่นใจกับพนักงานในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ การเจ็บป่วยหรือทุพพลภาพ พนักงานจะได้รับความคุ้มครองอย่างครบถ้วนและเหมาะสม เป็นขวัญและกำลังใจ เพื่อสวัสดิการของพนักงานที่ดี
7. การประกันภัยตามหลักศาสนาอิสลาม หรือตะกาฟุล (Takaful)
ตะกาฟุล เป็นคำที่มาจากภาษาอาหรับ หมายถึง การประกันซึ่งกันและกัน ในรูปแบบของการประกันสมาชิก จะจ่ายเงินสมทบตะกาฟุลเข้ากองทุน ซึ่งสมาชิกของกองทุนสมัครใจที่จะแบ่งปันความเสี่ยงซึ่งกันและกัน โดยเป็นการให้ความคุ้มครอง และเตรียม ความพร้อมภายใต้การบริหารจัดการของการช่วยเหลือซึ่งกัน และกัน สอดคล้องกับหลักคำสอนของศาสนาอิสลาม "มนุษย์ที่ดียิ่งนั้นคือผู้ที่สร้างคุณประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์ได้มากที่สุด"
เพราะเหตุใดประกันชีวิตจึงสำคัญ?
คุ้มครองชีวิตระยะยาว
ประกันจะมอบเงินครบกำหนดสัญญา หรือหากผู้เอาประกันเสียชีวิตในระหว่างสัญญา คนข้างหลังจะสามารถใช้ชีวิตต่อได้
ช่วยคุณออมเงิน
ประกันจะให้ผลตอบแทนกับเรา ตามระบุสัญญา โดยที่เราได้รับเงินคืน และยังได้รับการคุ้มครองชีวิตอีกด้วย
คุ้มครองคนที่คุณรัก
โดยเราสามารถเลือกจ่ายเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ ตามระบุสัญญาที่คุณสามารถ กำหนกได้เอง ตามที่คุณวางแผนไว้
คุ้มครอง และเพิ่มพูน
นอกจากการที่ได้รับการคุ้มครองตามระบุสัญญา แล้วคุณยังสามารถนำเบี้ยไปลง ทุนเพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้คุณได้อีกด้วย
เพราะทุกวันมีความเสี่ยง หากเกิดเรื่อง ไม่คาดฝัน ยังมีเงินก้อนให้ลูก คนข้างหลัง ไม่ลำบาก ในขณะเดียวกัน ที่เรายังมีชีวิตอยู่ ยังสามารถลดหย่อนภาษีได้ด้วย
คุณสมปราถนา คมกล้า